ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ "สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง" ที่ระดับ "A"

ข่าวทั่วไป Tuesday March 30, 2004 07:55 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--30 มี.ค.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศยืนยันผลการทบทวนอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันมูลค่า 1,000 ล้านบาท (SPI071A) ของ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ "A" โดยอันดับเครดิตสะท้อนการกระจายความเสี่ยงโดยการลงทุนในธุรกิจที่หลากหลาย ฝ่ายบริหารที่มีความสามารถและประสบการณ์ยาวนาน ตลอดจนความเป็นผู้นำในธุรกิจหลักของกลุ่ม อันได้แก่ เสื้อผ้าสำเร็จรูป เครื่องสำอาง และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป นอกจากนี้ ยังสะท้อนถึงนโยบายการลงทุนที่ระมัดระวัง และสถานะทางการเงินที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนโดยสภาวะการแข่งขันที่ค่อนข้างรุนแรงของอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคและอาหาร ทั้งนี้ ในการให้อันดับเครดิตดังกล่าวยังคำนึงถึงโครงสร้างการลงทุนที่ซับซ้อนของบริษัทด้วย
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทสหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้งเป็นบริษัทโฮลดิ้งของบริษัทในกลุ่มสหพัฒน์ โดยมีหน้าที่รับผิดชอบงานด้านการริเริ่มลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ การให้การสนับสนุนด้านการเงินแก่บริษัทในกลุ่ม การให้บริการสวนอุตสาหกรรมและสาธารณูปโภค ตลอดจนบริการด้านอื่นๆ นอกจากนี้ บริษัทยังได้กระจายการลงทุนไปในบริษัทต่างๆ จำนวน 170 แห่ง โดยเน้นอุตสาหกรรมด้านสินค้าอุปโภคบริโภคและอาหารเป็นหลัก ซึ่งช่วยให้บริษัทลดความเสี่ยงจากการประกอบการอันเนื่องมาจากการกระจุกตัวของธุรกิจและปัญหาวงจรเศรษฐกิจ โดยบริษัทมีนโยบายที่จะลงทุนในแต่ละบริษัทในสัดส่วนที่ไม่มากนักเพื่อลดความเสี่ยง ซึ่งแนวคิดการลงทุนในลักษณะดังกล่าวสะท้อนถึงนโยบายทางการเงินของฝ่ายบริหารที่ค่อนข้างระมัดระวัง อย่างไรก็ตาม หากรวมการลงทุนของกลุ่มสหพัฒน์ทั้งหมดแล้วยังนับว่ามากพอที่จะทำให้กลุ่มสามารถควบคุมหรือมีส่วนในการควบคุมการบริหารงานในบริษัทนั้นๆ ได้ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ด้วยประสบการณ์ของฝ่ายบริหารในธุรกิจหลักแต่ละประเภท รวมถึงการวางนโยบายโดยรวมจากฝ่ายบริหารของบริษัทสหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง ช่วยทำให้บริษัทในกลุ่มมีสถานะเป็นผู้นำตลาดในธุรกิจต่างๆ ที่ดำเนินการอยู่ บริษัทสามารถดำรงความได้เปรียบทางการแข่งขันด้วยการมีสินค้าที่มียี่ห้อติดตลาดและการมีความรู้ความเชี่ยวชาญในธุรกิจ นอกจากนี้ บริษัทยังมีจุดแข็งอีกประการหนึ่งคือการดำเนินธุรกิจที่ครบวงจรตั้งแต่การผลิตวัตถุดิบ ผลิตสินค้า และจัดจำหน่ายสินค้า รวมถึงการมีผลิตภัณฑ์ประเภทเดียวกันในระดับคุณภาพที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่ม ธุรกิจที่บริษัทมีตำแหน่งผู้นำทางการตลาดคือ ธุรกิจชุดชั้นในสตรี เครื่องสำอาง และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ทั้งนี้ ความสามารถในการริเริ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องและการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้กลุ่มสหพัฒน์สามารถดำรงตำแหน่งผู้นำในธุรกิจที่มีการแข่งขันรุนแรงต่อไปได้
โครงสร้างเงินทุนของบริษัทดีขึ้นอย่างมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อแหล่งเงินทุนซึ่งรวมถึงการค้ำประกันให้แก่บริษัทในกลุ่มลดลงจากระดับ 58.40% ในปี 2540 มาอยู่ที่ระดับ 26.90% ในปี 2545 และเป็น 21.04% ในปี 2546 ซึ่งเป็นผลมาจากกำไรสะสมที่เพิ่มขึ้นและเงินกู้ที่ลดลงอย่างมาก นอกจากนี้ นโยบายลดการค้ำประกันเงินกู้แก่บริษัทในเครือทำให้ระดับการค้ำประกันลดลงอย่างมากจาก 2,673 ล้านบาทในปี 2540 เหลือเพียง 370 ล้านบาทในปี 2546 ในขณะเดียวกัน ความสามารถในการสร้างกำไรที่เป็นเงินสดของบริษัทก็ปรับตัวดีขึ้นอย่างมากเช่นกัน โดยหลังจากวิกฤติเศรษฐกิจ อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อดอกเบี้ยจ่ายซึ่งเดิมอยู่ที่ 1.25 เท่าในปี 2541 ได้ปรับตัวขึ้นมากกว่า 3 เท่าเป็น 4.0 เท่าในปี 2545 และปรับเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 6 เท่าในปี 2546 นอกจากนี้ อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมทั้งหมดก็อยู่ในทิศทางที่ดีขึ้นเช่นกัน โดยปรับตัวขึ้นจากระดับที่ต่ำกว่า 5% ตั้งแต่ปี 2540 ถึงปี 2543 เป็น 15.47% ในปี 2545 และ 24.63% ในปี 2546 โครงสร้างการถือหุ้นของกลุ่มบริษัทที่ค่อนข้างซับซ้อนอาจเป็นการยากสำหรับนักลงทุนที่จะประเมินภาพโดยรวมของบริษัท อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการทำธุรกรรมระหว่างกันของบริษัทในกลุ่มสหพัฒน์นั้น บริษัทได้ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทริสเรทติ้งกล่าว--จบ--
-นท-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ