TTA รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/2555

ข่าวทั่วไป Wednesday February 15, 2012 12:14 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--15 ก.พ.--แฟรนคอม เอเชีย - ผลการดำเนินงานสิ้นสุดเดือนธันวาคม มีผลขาดทุนสุทธิ 560 ล้านบาท - ผลขาดทุนส่วนใหญ่เกิดจากการบันทึกรายการพิเศษสองรายการจำนวน 409 ล้านบาท ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่เงินสดและเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว - เหตุการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดอยุธยามีผลกระทบกับยอดขายถ่านหิน - EBITDA ของเมอร์เมดปรับตัวดีขึ้นถึง 94% เมื่อเทียบปีต่อปี - กำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (EBIT) ของธุรกิจเรือสินค้าแห้งเทกองเป็นบวก บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA รายงานผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1/2555 (ระหว่าง 1 ตุลาคม — 31 ธันวาคม 2554) ว่าบริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 560 ล้านบาท คิดเป็นผลขาดทุนต่อหุ้นที่ 0.79 บาท เปรียบเทียบกับผลกำไรสุทธิ 145 ล้านบาท และกำไรต่อหุ้นที่ 0.21 บาทของช่วงเดียวกันในปีก่อน ทั้งนี้ ผลขาดทุนส่วนใหญ่ในไตรมาสนี้ เป็นผลจากการบันทึกรายการพิเศษซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่เงินสดจำนวน 409 ล้านบาท รายการแรกคือ การตัดจำหน่ายค่าธรรมเนียมในการจัดหาวงเงินกู้สำหรับแผนการขยายกองเรือเมื่อปี 2550 จำนวน 209 ล้านบาท แต่เนื่องจากราคาเรือสั่งต่อใหม่และราคาเรือมือสองในขณะนั้นมีราคาแพงเกินกว่าที่จะคุ้มค่ากับการลงทุนเพื่อขยายกองเรือ จึงเลือกใช้วงเงินกู้ไปเพียงบางส่วนเท่านั้น ส่วนรายการที่สองคือ การบันทึกรายการสินทรัพย์ด้อยค่าจำนวน 199 ล้านบาท ซึ่งเป็นการยกเลิกการสั่งต่อเครื่องยนต์หลัก เนื่องด้วยในปัจจุบัน ราคาเรือมือสองในตลาดน่าสนใจคุ้มกว่าการลงทุนสั่งต่อเรือใหม่ทั้งในระยะสั้นและระยะกลาง รายได้รวมในไตรมาส 1/2555 อยู่ที่ระดับ 3,393 ล้านบาท เปรียบเทียบกับรายได้ 4,607 ล้านบาทเมื่อไตรมาส 1/2554 รายได้ลดไปเป็นจำนวนมากเป็นผลมาจากสถานการณ์รายได้ของค่าระวางเรือทั่วโลกตกต่ำลงมากถึง 55% และเรารับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว ด้วยขนาดกองเรือที่เล็กลงกว่าปีที่ผ่านมา โดยในไตรมาสนี้ ค่าเฉลี่ย BDI ปรับลดลงอีกถึง 18% ถึงแม้ว่าฐานรายได้จะลดลง แต่แกนหลักของธุรกิจเรือสินค้าแห้งเทกองกลับดีขี้น ถึงแม้ว่า รายได้จากค่าระวางในไตรมาส 1/2555 จะอยู่ที่ 826 ล้านบาท ลดลง 4% จากไตรมาสที่ 4/2554 แต่ด้วยกลยุทธ์การปรับยกเครื่องกองเรือให้มีความทันสมัย มีขนาดบรรจุที่ใหญ่ขึ้น และอายุเฉลี่ยกองเรือลดลง ทำให้มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (EBIT) เป็นบวกที่ 23 ล้านบาท เปรียบเทียบกับกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษีที่ติดลบ 70 ล้านบาทเมื่อไตรมาสที่ 4/2554 บริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) หรือ เมอร์เมด ซึ่งดำเนินธุรกิจการให้บริการนอกชายฝั่งแก่บริษัทน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ มีรายได้เพิ่มสูงขึ้น 3% จากปีก่อน และมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เพิ่มสูงขึ้นถึง 94% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีผลทำให้กำไรก่อนหักภาษีและดอกเบี้ย (EBIT) ติดลบน้อยลงเหลือแค่ 37 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้น 65% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่แนวโน้มของเมอร์เมดในไตรมาสที่สองเป็นบวก เนื่องจากราคาน้ำมันยังคงทรงตัวในระดับสูง ส่งผลให้เกิดการจ้างงานจากบริษัทน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเพิ่มมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น เมอร์เมดยังได้ขยายขอบเขตการให้บริการจากเอเชียไปยังภูมิภาคอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แอฟริกาตะวันตก และตะวันออกกลางมากขึ้น “อัตราค่าระวางเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองทั่วโลกยังคงตกต่ำอย่างต่อเนื่องในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2554 ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการธุรกิจเรือทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่โทรีเซน ซึ่งเราได้ตัดสินใจปรับโครงสร้างองค์กรของธุรกิจเรือสินค้าแห้งเทกองเพื่อรับมือกับสถานการณ์ของตลาดไปเมื่อปีที่ผ่านมา ดังนั้น เมื่อตลาดฟื้นตัวกลับมาอีกครั้ง กลยุทธ์ทางด้านการขายและการตลาด และมาตรการปรับลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เราได้ปรับและดำเนินการไว้ตั้งแต่ตอนนี้ จะเริ่มส่งผลที่ดีกลับมาให้กับธุรกิจของเราอีกครั้ง” ม.ล. จันทรจุฑา จันทรทัต กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ TTA กล่าว “เมอร์เมดน่าจะคงทำผลงานได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจะทำกำไรได้ในปีนี้ นอกจากนี้ เราก็ยังจะได้รับรู้ส่วนแบ่งกำไรที่ดีอย่างต่อเนื่องจาก บาคองโค ปิโตรลิฟต์ และบาเรียเซเรสเรายังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อธุรกิจถ่านหินในระยะยาว โดยคาดว่า ผลผลิตถ่านหินรวมของเหมืองที่ฟิลิปปินส์และอินโดนีเซียรวมกันแล้วน่าจะสูงถึง 1 ล้านตันภายในปี 2558” กลุ่มธุรกิจขนส่ง เพื่อรับมือกับสถานการณ์ค่าระวางเรือตกต่ำยาวนาน ในปี 2554 ธุรกิจเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองจึงได้ปรับลดขนาดกองเรือจาก 27 ลำ มาอยู่ที่ 15 ลำ แต่มีอายุเฉลี่ยที่น้อยลงเพียงแค่ 11.1 ปี ด้วยจำนวนเรือที่ลดลงจึงทำให้รายได้จากค่าระวางในไตรมาสนี้ลดลงตามไปด้วย แต่เรายังคงมีกำหนดรับมอบเรือใหม่ขนาด Supramax จำนวน 2 ลำในเดือนเมษายนและตุลาคม 2555 ในขณะเดียวกัน ปิโตรลิฟต์ยังคงมีผลงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงไตรมาส 1/2555 นี้ มีส่วนแบ่งผลกำไรเพิ่มให้กับ TTA ถึง 6% ด้วยรูปแบบธุรกิจที่สามารถ สร้างการเติบโตได้อย่างคงที่ ปิโตรลิฟต์จึงเป็นธุรกิจที่จะมีส่วนช่วยแบ่งเบาความผันผวนที่เกิดขึ้นจากธุรกิจเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองได้เป็นอย่างดี กลุ่มธุรกิจพลังงาน รายได้ของธุรกิจการให้บริการนอกชายฝั่งของเมอร์เมดเติบโตขึ้น 3% ในไตรมาสนี้เป็น 1,151 ล้านบาท แต่กำไรขั้นต้นและกำไรก่อนการหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) กลับเติบโตมากกว่าปีที่ผ่านมา โดยอัตรากำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า ซึ่งเราคาดการณ์ว่า ธุรกิจวิศวกรรมใต้ทะเลในปี 2555 จะมีอัตราการใช้ประโยชน์จากเรือและกำไรคงที่ เนื่องด้วยความต้องการใช้บริการยังคงวิ่งตามสถานการณ์โลก ในขณะที่แนวโน้มของปี 2556 เป็นต้นไปจะเริ่มแข็งแกร่ง เนื่องจากความต้องการสำรวจขุดเจาะน้ำมันจะสูงกว่าการเติบโตของกองเรือ ธุรกิจเรือขุดเจาะของเมอร์เมดส่งสัญญาณบวกในปี 2555 โดยเรือขุดเจาะ MTR-1 เพิ่งได้รับการต่อสัญญาว่าจ้างอีก 150 วันให้เป็นเรือสนับสนุนการทำงานนอกชายฝั่งแถบน่านน้ำอินโดนีเซีย โดยมีกำหนดเริ่มงานในต้นเดือนเมษายนนี้ และเมอร์เมดกำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาต่อสัญญา เรือ MTR-2 ซึ่งกำลังจะหมดสัญญาในเดือนเมษายน ในเดือนพฤศจิกายน 2554 TTA ได้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนตรงในเหมืองถ่านหิน SERI ที่ประเทศฟิลิปปินส์ โดยในช่วงเดือนธันวาคมและมกราคมที่ผ่านมา SERI มีความจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายกำลังการผลิตถ่านหินจากบล็อกปัจจุบันไปยังพื้นที่อื่นๆ ซึ่งการเคลื่อนย้ายกำลังการผลิตและเปิดบล็อกใหม่ ทำให้กำลังการผลิตต่อเดือนลดลงเหลือ 3,000 ตัน โดยคาดว่าจะกลับมาผลิตได้ในอัตรา 10,000 ตันต่อเดือนภายในกลางปีนี้ อย่างไรก็ดี แผนการก่อสร้างเหมืองแห่งที่สองและที่สามยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง ส่วนการลงทุนในเหมืองถ่านหินที่อินโดนีเซียยังคงอยู่ในระหว่างการสำรวจ ซึ่งคาดว่า น่าจะแล้วเสร็จในอีกสองสามเดือนข้างหน้า กลุ่มธุรกิจโครงสร้างขั้นพื้นฐาน เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2554 ได้ส่งผลเสียหายต่อชีวิต บ้านเรือน โรงงาน และธุรกิจเป็นจำนวนมาก ด้วยมาตรการป้องกันน้ำท่วมที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ UMS สามารถปกป้องโรงงานที่อยุธยาและเครื่องจักรให้รอดพ้นจากน้ำท่วมได้ แต่อย่างไรก็ดี การดำเนินงานในโรงงานก็ต้องหยุดชะงักไปร่วมสองเดือน ซึ่งเมื่อรวมกับเหตุการณ์ประท้วงของชุมชนต่อผู้ประกอบการถ่านหินที่จังหวัดสมุทรสาคร จึงมีผลทำให้ UMS ไม่สามารถผลิตและจำหน่ายถ่านหินได้เลยจากโรงงานทั้งสองแห่งเป็นเวลามากกว่า 4 สัปดาห์ ดังนั้น UMS จึงมีรายได้จากการขายถ่านหินในไตรมาสนี้ลดลง 32% โดยมีปริมาณการขายถ่านหินอยู่ที่ 218,346 ตัน ลดลง 34% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ดี โรงงานที่อยุธยาก็สามารถกลับมาทำงานได้เต็มประสิทธิภาพในเดือนมกราคม 2555 และคาดว่าเหตุความขัดแย้งในจังหวัดสมุทรสาครจะสามารถคลี่คลายได้ในไม่ช้า บาคองโคมียอดขายเพิ่มขึ้น 9% จากปีก่อนเป็น 805 ล้านบาทในไตรมาส 1/2555 กำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษีในไตรมาส 1/2555 ลดลง 27% จากปีก่อน เหลือเพียง 47 ล้านบาท เนื่องจากราคาวัตถุดิบยังคงพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้บาคองโคมีกำไรขั้นต้นลดลงเหลือ 9% ในไตรมาสนี้ เทียบกับ 11% ของปีก่อน ในขณะที่ บาเรียเซเรสยังคงมีผลงานที่ดี มีส่วนแบ่งกำไรให้กับ TTA ทั้งสิ้น 6 ล้านบาทในไตรมาสนี้ “ผลของการดำเนินงานส่วนใหญ่เป็นไปตามที่เราคาดหมาย คือ ธุรกิจเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองและ UMS ยังคงมีผลการดำเนินงานอ่อนตัว ในขณะที่เมอร์เมดเริ่มฟื้นตัว เราคาดว่า ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปี 2554 จะดีขึ้น โดยเฉพาะในธุรกิจเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกอง เมอร์เมด และ UMS นอกจากนี้ เราเริ่มจะมองเห็นสัญญาณลางๆ ที่บ่งบอกว่าธุรกิจเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองจะค่อยๆ เริ่มฟื้นตัวกลับมา ซึ่งเป็นลางที่ดีสำหรับกองเรือของเรา ซึ่งเป็นกองเรือที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากที่สุดกองเรือหนึ่งในภูมิภาคนี้ เราเชื่อว่าเมอร์เมดจะมีผลงานดีขึ้น เนื่องจากจะแก้ปัญหารายได้ลดในช่วงฤดูมรสุมด้วยการขยายขอบเขตการให้บริการไปยังภูมิภาคอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของธุรกิจวิศวกรรมนอกชายฝั่ง” “ถึงแม้ว่าผลจาการดำเนินงานจะอ่อนตัวลง แต่ความจริงแล้ว เงินสดหมุนเวียนจากการดำเนินงานกลับปรับตัวดีขึ้นเป็นอย่างมากในไตรมาสนี้ ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับปรุงการบริหารต้นทุนค่าใช้จ่ายของทั้งกลุ่ม ดังนั้น เราจึงมีเงินสดมากพอสำหรับการดำเนินงาน และเราหวังว่าในช่วงที่เหลือของปี 2555 ผลงานต่างๆ จะปรับตัวดีขึ้น” ม.ล.จันทรจุฑา กล่าวปิดท้าย เกี่ยวกับ TTA บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นเพื่อการลงทุนเชิงกลยุทธ์ ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยแผนการลงทุนของบริษัทฯ มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาธุรกิจอย่างสมดุลและหลากหลาย ทั้งในกลุ่มธุรกิจขนส่ง กลุ่มธุรกิจพลังงาน และกลุ่มธุรกิจโครงสร้างขั้นพื้นฐาน ซึ่งจะครอบคลุมทั้งการลงทุนในประเทศไทยและต่างประเทศ TTA ได้เริ่มต้นเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางธุรกิจจากเดิมที่เคยเป็นผู้ให้บริการเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 ให้กลายกลุ่มธุรกิจเป็นรูปแบบปัจจุบัน เป็นต้นมา ด้วยการขยายการลงทุนไปยังบริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจให้บริการวิศวกรรมโยธาใต้น้ำ และนำบริษัท เมอร์เมดเข้าจดทะเบียนใน ตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ หลังจากนั้น บริษัทฯ จึงได้ขยายการลงทุนไปยังธุรกิจโลจิสติกส์และปุ๋ยในเวียดนาม (Baconco) ธุรกิจเหมืองถ่านหิน (SERI และ Merton) และธุรกิจโลจิสติกส์ถ่านหิน (บมจ. ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส) ธุรกิจขนส่งน้ำมัน (Petrolift) และธุรกิจท่าเรือในตอนใต้ของประเทศเวียดนาม (Baria) สื่อมวลชน หากมีคำถามเพิ่มเติมโปรดติดต่อ Thoresen Thai Agencies Plc รวิษฎา อังคีรส E-mail: ravisada_a@thoresen.com Tel: +66 2254 8437 Ext. 393 หรือ Francom Asia วันดี เลิศสุพงศ์กิจ E-mail: wandeel@francomasia.com Tel: +66 2233 4329 ext. 19

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ