กรุงเทพฯ--16 ก.พ.--เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์
ทิศทางราคาทองคำ
ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,724 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,733 เหรียญ/ออนซ์ ค่าเงินบาทปิด 30.70 กับ 30.75 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 25,100 บาท กับ 25,200 บาท และกลับมาปิดที่ 25,100 บาท กับ 25,200 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาท อยู่ที่ 2,141 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 6,072 คู่สัญญา และ Silver Futures อยู่ที่ 11 คู่สัญญา ปริมาณการซื้อขาย Open Interest แบบ 50 บาท ลดลง 0.07 % แบบ 10 บาท ลดลง 2% GFG12 ปิดที่ 25,370 บาท เและ GFJ12 ปิดที่ 25,580 บาท และ GF10G12 ปิดที่ 25,580 บาท และ GF10J12 ปิดที่ 25,580 บาท
สัญญา Comex ปิดเพิ่มขึ้น 10.40 เหรียญ ปิดที่ระดับ 1,728.10 ดอลลาร์/ออนซ์ Silver ปิดเพิ่มขึ้น 6 เซนต์ ปิดที่ระดับ 33.408 ดอลลาร์/ออนซ์ SPDR ถือครองทองคำที่ 1,278.26 ตัน (เท่าเดิม) น้ำมัน NYMEX ปิดเพิ่มขึ้น 1.06 เซนต์ ปิดที่ระดับ 101.80 ดอลลาร์/บาร์เรล ดาวโจนส์ปิดลดลง 97.33 จุดปิดที่ระดับ 12,780.95 จุด
Ratio Gold / Silver เท่ากับ 51.7 ต่อ 1
ข่าวที่สำคัญ
- วานนี้ ทางการกรีซได้แสดงออกถึงความหวังว่าจะสามารถรับเงินช่วยเหลือรอบที่สองจากอียูและไอเอ็มเอฟได้ในสัปดาห์หน้าโดยนายอีวานเจลอส เวนิสเซลอส กล่าวว่า กรีซเหลือเพียงทำความต้องการจากอียูและไอเอ็ม 2 ข้อสุดท้าย ซึ่งเขาระบุว่าคณะรัฐมนตรีได้ตัดสินใจว่าจะใช้เงินมูลค่า 325 ล้านยูโรปิดช่องว่างในการประหยัดงบประมาณ 3.3 พันล้านยูโรอย่างไร ตามข้อเรียกร้องจากอียูและไอเอ็มเอฟ อีกทั้งได้ให้ความสำคัญกับผู้นำทั้ง 2 พรรคการเมืองที่ได้ลงนามในสัญญาที่จะทำให้มาตรการรัดเข็มขัดประสบความสำเร็จ
- เงินยูโร อ่อนค่า 0.36% แตะที่ 1.3071 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันอังคารที่ 1.3118 ดอลลาร์สหรัฐ โดย สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลง หลังจากนายฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ ประธานยูโรกรุ๊ปเผยว่า รัฐมนตรีคลังกลุ่มยูโรโซน ตัดสินใจยกเลิกการประชุมอย่างเป็นทางการ และได้เลื่อนการประชุมอย่างเป็นทางการออกไปเป็นวันที่ 20 ก.พ. นอกจากนี้ สกุลเงินยูโร ยังได้รับแรงกดดันมากขึ้น หลังจากเจ้าหน้าที่อียู เปิดเผยว่า รัฐมนตรีคลังยูโรโซน อาจจะเลื่อนการตัดสินใจดังกล่าว ไปเป็นช่วงเวลาหลังจากการเลือกตั้งของกรีซ ซึ่งจะมีขึ้นในเดือนเม.ย.
- สำนักงานสถิติของสหภาพยุโรปหรือยูโรสแตทเปิดเผยว่า เศรษฐกิจยูโรโซนหดตัวลง 0.3% ในไตรมาส 4 ปี 2554 ซึ่งถือเป็นสถิติที่อ่อนตัวลงเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ไตรมาส 2 ของปี 2552 จีดีพีของเยอรมนีร่วง 0.2% จากระดับไตรมาส 3 ปีที่แล้ว เมื่อเทียบกับการขยายตัวต่อไตรมาสที่ 0.6% ในไตรมาสที่ 3 ส่วนเศรษฐกิจฝรั่งเศสนั้น ขยายตัว 0.2% แม้ว่า จะชะลอตัวลงจากระดับไตรมาสก่อนหน้านี้
- โปรตุเกสประมูลขายตั๋วเงินคลังอายุ 3 เดือน และ 6 เดือนได้ทั้งหมดเมื่อวานนี้ คิดเป็นมูลค่า 3 พันล้านยูโร นับเป็นการเสนอขายครั้งใหญ่ที่สุดของโปรตุเกสนับตั้งแต่ต้องขอรับความช่วยเหลือจากอียูและไอเอ็มเอฟเมื่อปีที่แล้ว ขณะที่อัตราผลตอบแทนก็ลดลงจากการประมูลครั้งก่อน
- สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษรายงานว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานปรับเพิ่มขึ้น 6,900 รายในเดือนมกราคม สูงกว่าเดือนธันวาคมที่เพิ่มขึ้น 1,900 ราย และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 500 ราย ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นมากเกินคาดในเดือนมกราคม ผลักดันให้จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานทั้งหมดพุ่งแตะ 1.61 ล้านราย ซึ่งสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2553 หรือสูงสุดในรอบ 2 ปี
- มีการรายงานผลการประชุมเฟด เมื่อวันที่ 24-25 ม.ค.ที่ผ่านมา ระบุว่า เจ้าหน้าที่เฟดบางรายเชื่อว่ามาตรการ QE อาจมีความจำเป็นต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาการว่างงานที่ยังคงมีระดับที่สูงและความกดดันในเรื่องภาวะเงินเฟ้อ ในขณะที่อีกส่วนหนึ่งคคิดว่าการเข้าซื้อพันธบัตรเพิ่มเติมจะมีความสำคัญก็ต่อเมื่อขาดแรงผลักดันในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ หรือหากภาวะเงินเฟ้อลดลงไปอีก
- นายโจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน แสดงความเห็น ขณะกล่าวสุนทรพจน์ ในกรุงปักกิ่งว่า จีนจะยังคงลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลยูโรโซนต่อไปและรัฐบาลจีนยังคงมีความเชื่อมั่นในสกุลเงินยูโร รวมทั้งความสามารถของประเทศสมาชิกยูโรโซนในการแก้ไขปัญหาหนี้ของตนเอง ถ้อยแถลงของนายโจว สอดคล้องกับนายเวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีน ที่กล่าวก่อนหน้านี้ว่า จีนพร้อมที่จะเพิ่มบทบาทของตนเองในการแก้ไขปัญหาหนี้ยุโรป และตั้งข้อสังเกตว่า จีนไม่ได้ลดสัดส่วนการถือครองยูโร ในทุนสำรองของจีน
ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืนนี้
- Empire State Manufacturing Index ตัวเลขจริงออกมาที่ 19.5 จากตัวเลขเดิมที่ 13.5
- TIC Long-Term Purchases ตัวเลขจริงออกมาที่ 17.9B จากตัวเลขเดิมที่ 61.3B
- Crude Oil Inventories ตัวเลขจริงออกมาที่ 1.8M จากตัวเลขเดิมที่ 0.3 M
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
- Building Permits คาดการณ์ว่าจะออกมาที่ 0.68M จากตัวเลขเดิมที่ 0.67M
- Housing Starts คาดการณ์ว่าจะออกมาที่ 0.68M จากตัวเลขเดิมที่ 0.66M
- PPI m/m คาดการณ์ว่าจะออกมาที่ 0.3% จากตัวเลขเดิมที่ -0.1%
- Core PPI m/m คาดการณ์ว่าจะออกมาที่ 0.1% จากตัวเลขเดิมที่ 0.3%
- Philly Fed Manufacturing Index คาดการณ์ว่าจะออกมาที่ 9.0 จากตัวเลขเดิมที่ 7.3
- Unemployment Claims คาดการณ์ว่าจะออกมาที่ 364K จากตัวเลขเดิมที่ 358K
- Fed Chairman Bernanke Speaks
วิเคราะห์ทางเทคนิค
Gold — โดยภาพรวมราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวไปในทิศทาง Sideway โดยที่เมื่อคืนนี้ราคาทองคำดูเหมือนจะ Break Out ฝ่าแนวต้านที่ระดับ 1730 เหรียญขึ้นไปได้ แต่ยังถูกแรงเทขายอย่างหนักที่ระดับ 1736 เหรียญ ทำให้ราคากลับมาปิดต่ำกว่าระดับ 1730 เหรียญอีกครั้งหนึ่ง ภาพรวมจะเห็นได้ว่าราคาทองคำยังคงถูกกดดันจากค่าเงินยูโรที่อ่อนค่าลง และยังเป็นลักษณะของการที่ยังปรับฐานไม่เสร็จสิ้นโดยค่าเงินดอลลาร์เองกลับมาแข็งค่าอีกครั้งที่ระดับ 1.3054 ดอลลาร์/ยูโร โดยประมาณ จากข่าวที่ยังไม่ได้ตัดสินใจใดๆของทางกลุ่มรัฐมนตรีคลังยูโรโซน เรื่องของการให้ความช่วยเหลือกรีซที่เลื่อนออกไป โดยคาดว่าราคาทองคำน่าจะเคลื่อนตัวในระดับ 1720 - 1735 เหรียญ และยังแนะนำให้ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว
Gold Futures G12 จะมีแนวรับที่ระดับ 25,250 บาท และแนวต้านที่ระดับ 25,450 บาท
Gold Futures J12 จะมีแนวรับที่ระดับ 25,450 บาท และแนวต้านที่ระดับ 25,650 บาท
Silver Futures G12 จะมีแนวรับที่ระดับ 1,020 บาท และแนวต้านที่ระดับ 1,050 บาท
คำแนะนำ
สำหรับนักลงทุนระยะรายวัน (Daily Trade)
เก็งกำไรในภาวการณ์แกว่งตัว ในกรอบแคบๆ แนะนำให้ซื้อที่ระดับ 1720 เหรียญ และรอขายที่ระดับ 1735 เหรียญ
นักลงทุนรายสัปดาห์ (Weekly Trade)
ยังเป็นลักษณะของการรอความชัดเจนของทิศทาง โดยที่ภาพรวมยังเป็นการแกว่งตัวในลักษณะ Sideway รอ Break Out ทะลุแนวต้านที่ระดับ 1735 เหรียญ ขึ้นไป
นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง
รอความชัดเจนเช่นเดียวกัน จะเห็นได้ว่าราคาทองคำยังคงแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบๆ และยังไม่สามารถ Break Out ทะลุแนวต้านด้านบนได้ ณ ขณะนี้