กรุงเทพฯ--16 ก.พ.--เซ็นจูรี 21ฯ
เซ็นจูรี 21 คาดอสังหาฯ ไตรมาส 1 ยังทรงตัว และมีแนวโน้มที่ดีขึ้น หลังรัฐบาลใหม่มีนโยบายชัดเจน พร้อมปรับโครงสร้างการบริหารรองรับ คาดเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติไตรมาส 2-3 ชี้คอนโดมิเนียมราคาไม่เกิน 2 ล้านบาทยังเป็นตัวนำตลาด ในทำเลแนวรถไฟฟ้า ทั้งใหม่ และเก่า และที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ขณะที่คอนโดมิเนียมตากอากาศ พัทยา หัวหิน ชะอำ เริ่มมาแรงหลังผู้บริโภคหันซื้อเป็นบ้านหลังที่ 2 รับมือน้ำท่วม เผยปี 2555 ปรับโครงสร้างการบริหารใหม่ ดึง ชนะ นันทจันทูล นั่งแท่นเอ็มดี วางเป้าหมายพัฒนาบุคลากร พร้อมตั้งเป้ายอดขาย 16,500 ล้านบาท
นายกิติศักดิ์ จำปาทิพย์พงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นจูรี 21 เรียลตี้ แอฟฟิลิเอทส์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ เซ็นจูรี 21 ไทยแลนด์ เปิดเผยว่า ปีที่ผ่านมาตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยได้รับผลกระทบจากปัญหาอุทกภัย ซึ่งส่งผลให้ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2555 ตลาดน่าจะยังอยู่ในภาวะทรงตัว และคาดว่าตลาดน่าจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 2 โดยคอนโดมิเนียมยังคงเป็นตัวหลักของตลาดโดยเฉพาะคอนโดมิเนียมราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ซึ่งยังคงมีความต้องการในตลาดอยู่ค่อนข้างสูง นอกจากนี้ที่พักอาศัยที่ใกล้กับกรุงเทพมหานคร อาทิ พัทยา หัวหิน ชะอำ จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำคัญสำหรับผู้บริโภค โดยในไตรมาสที่ 1 จะเห็นผู้ประกอบการหลายรายเริ่มเปิดตัวโครงการในพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ รวมถึงการขยายฐานลูกค้าใหม่ ในการพัฒนาโครงการไปในจังหวัดที่สำคัญ ที่มีสนามบิน และมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นการเติบโต และรองรับการขยายของชุมชนนั้นๆ ในขณะเดียวกัน ยังเป็นการกระจายความเสี่ยงของนักลงทุนอีกด้วย เช่น ในภาคอีสาน จังหวัดอุดรธานี ขอนแก่น อุบลราชธานี และนครราชสีมา ภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ และภาคใต้ จังหวัดภูเก็ต เป็นต้น
นายกิติศักดิ์ กล่าวต่อว่า ทำเลที่ยังคงเป็นที่น่าสนใจของโครงการในช่วงนี้จะยังคงเป็น สุขุมวิท เพลินจิต ทองหล่อ เอกมัย สาทร พหลโยธินซอย 7, 9, 11 ซึ่ง เพลินจิต (ติดถนนใหญ่) ราคาที่ดินขายกันอยู่ที่ 700,000-1,500,000 บาทต่อตร.ว. สาทร (ติดถนนใหญ่) ซื้อขายตั้งแต่ 700,000-900,000 บาทต่อตร.ว. และพหลโยธินซอย 7, 9,11 ขายอยู่ที่ 400,000-550,000 บาทต่อตร.ว. ขณะที่ทำเลที่มีการเกิดของคอนโดมิเนียมอย่างต่อเนื่องก็คือย่านถนนเพชรบุรี-พัฒนาการ ที่คู่ขนานไปกับเส้นสุขุมวิท และลาดพร้าว-รัชดาภิเษก ส่วนทำเลที่คาดว่าจะเป็นทำเลอนาคตที่น่าสนใจคือส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าอ่อนนุช-แบริ่ง ซึ่งราคาที่ดินยังต่ำอยู่เป็นที่จูงใจนักลงทุน รวมถึงทำเลในย่าน บางซื่อ-บางใหญ่-รัตนาธิเบศธ์ โดยคาดว่าผู้ประกอบการจะเริ่มกลับมาซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการกันอีกครั้งในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2555
“ตอนนี้ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังคงทรงตัว เพราะผู้ประกอบการหลายรายยังอยู่ในช่วงของการปรับตัว กว่าจะเข้าที่ก็คงต้องประมาณไตรมาส 2-3 โดยปัญหาเรื่องน้ำท่วมยังคงเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อในระยะยาว ในส่วนของบริษัทฯ เองปัจจุบันก็มีการเร่งปรับตัวในหลายด้าน โดยเฉพาะเรื่องของการบริหารงานเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยล่าสุดได้มีการดึงมืออาชีพอย่างคุณชนะ นันทจันทูล เข้ามาเป็น กรรมการผู้จัดการ เพื่อปรับกลยุทธ์และโครงสร้างการบริหารงานใหม่ ให้มีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น” นายกิติศักดิ์ กล่าว
ด้านนายชนะ นันทจันทูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซ็นจูรี 21 เรียลตี้ แอฟฟิลิเอทส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในส่วนของบริษัทฯ ในปีนี้จะเน้น 2 เรื่องที่เป็นหลัก คือ การปรับโครงสร้างการบริหารเพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารงาน และการเพิ่มยอดขายของบริษัทฯ โดยปัจจุบัน ในส่วนของโครงสร้างการบริหารงาน ได้มีการปรับเปลี่ยน เพื่อสามารถตอบสนองเป้าหมายของบริษัทได้ในปีนี้ โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือ ส่วนที่หนึ่ง เป็นส่วนที่สร้างเสริมรายได้ให้กับบริษัท คือ แผนกบริหารงานขาย, แผนกResale / Commercial และPlaza, แผนกInvestment และ แผนก Franchise พร้อมกันนั้น จะมีการนำทรัพย์สินจากต่างประเทศ มาขายในประเทศไทย จากในหลายๆประเทศที่น่าลงทุน โดยผ่านเครือข่าย Century 21 เช่น ประเทศอังกฤษ สหรัฐอเมริกา ฮ่องกง และ สิงคโปร์ ส่วนที่ 2 คือส่วนสร้างภาพลักษณ์ขององค์กร เป็นส่วนของการสร้าง Corporate Image โดยจะเป็นการสร้าง และเผยแพร่ภาพลักษณ์ขององค์กร ให้โดดเด่นกว่าที่เป็นอยู่ อีกทั้งยังมีการทำกิจกรรมต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกประเทศ ทั้งนี้ ยังคงหลักการ และนโยบายขององค์กร ที่จะให้บริการลูกค้าของบริษัทในรูปแบบ Total Real Estate Solution คือ การให้บริการอสังหาริมทรัพย์อย่างเต็มรูปแบบ
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังเน้นเรื่องของการพัฒนาบุคลากรผ่านการทำ Training เพื่อพัฒนาให้บุคลลากรมีความสามารถและมีประสิทธิภาพสูงสุดในการทำงาน โดยในปีนี้ บริษัทมีนโยบายที่จะร่วมมือกับมหาวิทยาลัยของรัฐ ในการร่วมกันอบรมให้กับนิสิต นักศึกษา และบุคคลทั่วไป ได้มีความรู้ ความชำนาญ ด้านอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสามารถนำไปประกอบอาชีพได้ อีกทั้งบริษัทยังได้ร่วมกับ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ และการผังเมือง ในการจัดทำสำรวจประชามติ (Poll) รายเดือน และการสำรวจเชิงวิจัยรายไตรมาส สู่สาธารณะชน และสื่อมวลชน ตลอดการทำวิจัยให้กับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของ Century 21 ผู้ประกอบการโครงการ และนักลงทุนต่างๆ ออกเป็นข่าสาร และข่าวประชาสัมพันธ์ ตลอดปี 2555 อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางในการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อวงการอสังหาริมทรัพย์ และผู้บริโภคทั่วไปที่สนใจอีกด้วย
ในด้านของเป้าหมายด้านการขายในปี 2555 นี้ บริษัทได้ตั้งเป้าไว้ที่ 16,500 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็น แผนกบริหารงานขาย 7 ,500 ล้านบาท , แผนก Resale / Commercial และ Plaza 1,000 ล้านบาท, แผนกInvestment 7,500 ล้านบาท และ แผนกอื่น ๆ 500 ล้านบาท