กรุงเทพฯ--22 ก.พ.--ทริสเรทติ้ง
ทริสเรทติ้งจัดอันดับหุ้นกู้มีการค้ำประกัน Short-term วงเงินไม่เกิน 20,000 ล้านบาท“บ. โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย)” ที่ระดับ “T1+” และคงอันดับหุ้นกู้มีการค้ำประกันชุดเดิม:Medium-term ที่ระดับ “AAA” และ Short-term ที่ระดับ “T1+” แนวโน้ม “Stable”
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้มีการค้ำประกันภายใต้โครงการ Short-term Debenture มูลค่ารวมไม่เกิน 20,000 ล้านบาท (1/2555) ของ บริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (TLT หรือ ผู้ออกหุ้นกู้) ที่ระดับ “T1+” พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกันชุดเดิมภายใต้โครงการ Medium-term Debenture วงเงินรวม 40,000 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ “AAA” และภายใต้โครงการ Short-term Debenture มูลค่า 10,000 ล้านบาท (1/2554) ที่ระดับ “T1+” โดยแนวโน้มอันดับเครดิตยังคง “Stable” หรือ “คงที่”
หุ้นกู้ทั้งหมดของบริษัทโตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) ได้รับการค้ำประกันโดย Toyota Motor Finance (Netherlands) B.V. (TMF หรือ ผู้ค้ำประกัน) โดย TMF เป็นบริษัทลูกของ Toyota Financial Service Corporation (TFS) ที่ถือหุ้น 100% โดย Toyota Motor Corporation (TMC) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกลุ่มโตโยต้า บริษัททั้ง 3 แห่งคือ TMF, TFS และ TMC ได้รับการจัดอันดับเครดิตระดับ “AA-” จาก Standard & Poor’s (S&P) และระดับ “Aa3” จาก Moody’s Investors Service (Moody’s) รวมทั้งได้รับการจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้ระยะสั้นที่ระดับ “A-1+” จาก S&P และ “P-1” จาก Moody’s ด้วย อันดับเครดิตหุ้นกู้ระยะสั้นและระยะปานกลางของ TLT สะท้อนถึงการค้ำประกันแบบไม่มีเงื่อนไขและไม่สามารถเพิกถอนได้โดย TMF ซึ่งอันดับเครดิตของ TMF อยู่บนพื้นฐานของสถานะอันดับเครดิตของ TMC ภายใต้โครงสร้างการค้ำประกันดังกล่าว TMC ได้ทำสัญญาให้การสนับสนุนสินเชื่อ (Credit Support Agreement - CSA) กับ TFS ในขณะเดียวกัน TFS ก็ได้ทำสัญญา CSA กับ TMF ด้วยเช่นกัน ภายใต้เงื่อนไขของสัญญา CSA ดังกล่าว TMC จะทำหน้าที่รักษาสภาพคล่องทางการเงินให้อยู่ในระดับที่เพียงพอสำหรับรองรับภาระหนี้หุ้นกู้ หรือพันธบัตร และตราสารทางการเงิน (Commercial Paper) อื่น ๆ ของบริษัทลูกซึ่งได้แก่ TFS และ TMF นอกจากนี้ TMC จะเป็นผู้จัดหาสภาพคล่องทางการเงินที่เพียงพอสำหรับเงื่อนไขการค้ำประกันของ TMF ด้วย ทั้งนี้ การค้ำประกันของ TMF บังคับใช้ภายใต้กฎหมายของประเทศเนเธอร์แลนด์โดยเป็นการค้ำประกันแบบไม่มีเงื่อนไขและไม่สามารถเพิกถอนได้ ซึ่งผู้ค้ำประกันจะเป็นผู้รับผิดชอบในการชำระเงินตามกำหนดเวลาของหุ้นกู้แต่ละชุดที่ออกให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้ของ TLT ทั้งนี้ ภาระการค้ำประกันของ TMF มีสถานะทางกฎหมายอยู่ในระดับเดียวกับตราสารหนี้ไม่มีประกันและไม่ด้อยสิทธิอื่น ๆ ของผู้ค้ำประกันที่ออกทั้งในปัจจุบันและในอนาคต อีกทั้งยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขหรือเพิกถอนโดยปราศจากการยินยอมทั้งจากตัวแทนผู้ถือหุ้นกู้และผู้ค้ำประกันได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ค้ำประกันไม่มีภาระในการชำระหนี้ใดใดแทนในกรณีที่ผู้ออกหุ้นกู้ไม่สามารถชำระหนี้ด้วยเหตุอันเกิดจากการเข้าแทรกแซงหรือการกระทำต่าง ๆ โดยองค์กรใดใด ของรัฐบาลไทย ดังนี้ (1) ชะงักการชำระเงินเนื่องจากผู้ออกหุ้นกู้ไม่สามารถโอนเงินไปให้นายทะเบียน หรือผู้ถือหุ้นกู้ หรือไม่สามารถแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเป็นสกุลเงินที่ต้องชำระตามหุ้นกู้ (2) ทำให้ต้องมีการโอนการถือหุ้นข้างมากหรือการควบคุมผู้ออกหุ้นกู้ไปยังองค์กรอื่นซึ่งมิใช่สมาชิกของกลุ่มโตโยต้า (3) การเวนคืนหรือการโอนซึ่งทรัพย์สินของผู้ออกหุ้นกู้ให้เป็นของรัฐซึ่งมีมูลค่ารวมอย่างน้อย 10% ของมูลค่าสุทธิของสินเชื่อเช่าซื้อสุทธิของผู้ออกหุ้นกู้และบริษัทลูกของผู้ออกหุ้นกู้ และ (4) การเวนคืนหรือการโอนทรัพย์สินให้เป็นของรัฐอันมีผลทำให้ผู้ออกหุ้นกู้และบริษัทลูกของผู้ออกหุ้นกู้ไม่สามารถประกอบธุรกิจได้ ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งเห็นว่าโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวมีน้อยมาก
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนความน่าเชื่อถือของบริษัทแม่ลำดับสุดท้ายของ TLT คือ TMC ซึ่งมีสถานะที่เข้มแข็งในตลาดการค้าสำคัญแม้ว่าจะอ่อนตัวลงจากผลกระทบของปัญหาด้านคุณภาพสินค้ารถยนต์ รวมถึงเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในประเทศญี่ปุ่น และอุทกภัยใหญ่ในประเทศไทย โดยความเข้มแข็งดังกล่าวเกิดจากการขยายขอบเขตธุรกิจสู่ภูมิภาคต่าง ๆ และการเพิ่มความหลากหลายของสินค้า ปัจจุบัน TMC ได้รับแนวโน้มอันดับเครดิต “Negative” หรือ “ลบ” ทั้งจาก S&P และ Moody’s ซึ่งสะท้อนถึงความกังวลในผลกระทบจากแผ่นดินไหวและอุปสรรคต่าง ๆ ที่อาจกระทบต่อผลประกอบการของ TMC รวมถึงความกังวลต่อการสูญเสียส่วนแบ่งทางการตลาดและสถานะทางการแข่งขัน อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตในปัจจุบันที่ระดับ “AA-” ซึ่งจัดโดย S&P และ “Aa3” โดย Moody’s ยังคงสะท้อนสถานะเครดิตที่แข็งแกร่งของ TMC เมื่อเทียบกับบริษัทต่าง ๆ ในประเทศไทยที่ได้รับอันดับเครดิตในระดับ National Scale ที่ “AAA” จากทริสเรทติ้ง
ทริสเรทติ้งรายงานว่า ผลประกอบการของ TMC ปรับตัวดีขึ้นนับตั้งแต่รอบปีบัญชี 2553 (เมษายน 2552-มีนาคม 2553) หลังจากได้รับผลกระทบจากปัญหาที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพสินค้ารถยนต์ของบริษัทในรอบปีบัญชี 2552 โดย TMC รายงานผลกำไรสุทธิ 209 พันล้านเยนในรอบปีบัญชี 2553 หลังจากที่มีผลขาดทุนสุทธิจำนวน 437 พันล้านเยนในรอบปีบัญชี 2552 ผลประกอบการของบริษัทปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในรอบปีบัญชี 2554 ด้วยกำไรสุทธิ 408 พันล้านเยน
อย่างไรก็ตาม เหตุพิบัติที่เกิดจากแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิครั้งใหญ่ในประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2554 ได้ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของ TMC ในรอบปีบัญชี 2555 โดยโรงงานของกลุ่ม โตโยต้าทั้งในประเทศญี่ปุ่นและต่างประเทศต้องหยุดการผลิตเนื่องจากปัญหาการขนส่งที่ล่าช้าและการขาดแคลนส่วนประกอบรถยนต์ ส่งผลให้ยอดผลิตรถยนต์รวมลดลง 424,000 คัน เหลือ 5,025,000 คันในช่วง 9 เดือนแรกของรอบปีบัญชี 2555 เมื่อเทียบกับจำนวนการผลิต 5,449,000 คันในช่วงเดียวกันของรอบปีบัญชี 2554 ยอดขายในรอบ 9 เดือนแรกของรอบปีบัญชี 2555 ก็ลดลง 522,000 คัน เหลือ 4,995,000 คันเมื่อเทียบกับ 5,517,000 คันในช่วง 9 เดือนแรกของรอบปีบัญชีก่อน TMC รายงานผลกำไรสุทธิ 163 พันล้านเยนสำหรับช่วง 9 เดือนแรกของรอบปีบัญชี 2555 ซึ่งลดลงจาก 383 พันล้านเยนในช่วงเดียวกันของรอบปีบัญชี 2554
อุทกภัยครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยในช่วงปลายปี 2554 ส่งผลให้การผลิตรถยนต์ของกลุ่มโตโยต้าทั่วโลกลดลงจากปัญหาการขาดแคลนส่วนประกอบรถยนต์เนื่องจากส่วนประกอบจำนวนมากผลิตในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวคาดว่าจะไม่รุนแรงเท่ากับผลกระทบจากภัยพิบัติแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในประเทศญี่ปุ่น นอกเหนือจากผลกระทบจากภัยพิบัติทั้งหลายที่กล่าวมาแล้ว การแข็งค่าของเงินสกุลเยนยังเป็นอุปสรรคต่อความสามารถในการทำกำไรของ TMC ด้วย โดยการฟื้นตัวของผลประกอบการทางการเงินและผลการดำเนินงานคาดว่าจะชะลอตัว และ TMCจะยังคงเผชิญกับความท้าทายในการปรับปรุงความสามารถในการทำกำไรให้แข็งแกร่งขึ้น อย่างไรก็ตาม สถานะทางการตลาดและการแข่งขันที่เข้มแข็งของบริษัทได้รับแรงหนุนจากการกระจายตัวของตลาดและผลิตภัณฑ์ ตลอดจนความเป็นผู้นำในเทคโนโลยี และความเสี่ยงทางการเงินในระดับต่ำ ทริสเรทติ้งกล่าว
บริษัท โตโยต้าลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (TLT)
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
หุ้นกู้มีการค้ำประกันในวงเงิน 40,000 ล้านบาท ในโครงการ Medium-term Debenture:
- TLT124A: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2555 คงเดิมที่ AAA
- TLT128A: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 1,800 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2555 คงเดิมที่ AAA
- TLT129A: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 1,150 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2555 คงเดิมที่ AAA
- TLT12DA: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2555 คงเดิมที่ AAA
- TLT134A: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 2,150 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556 คงเดิมที่ AAA
- TLT136A: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 1,700 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556 คงเดิมที่ AAA
- TLT138A: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556 คงเดิมที่ AAA
- TLT139A: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 1,750 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556 คงเดิมที่ AAA
- TLT13OA: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 2,250 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556 คงเดิมที่ AAA
- TLT13DA: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556 คงเดิมที่ AAA
- TLT145A: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557 คงเดิมที่ AAA
- TLT149A: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 1,050 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557 คงเดิมที่ AAA
หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 10,000 ล้านบาท ในโครงการ Short-term Debenture (1/2554) คงเดิมที่ T1+
หุ้นกู้มีการค้ำประกันในวงเงินไม่เกิน 20,000 ล้านบาท ในโครงการ Short-term Debenture (1/2555) T1+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable (คงที่)