กรุงเทพฯ--24 ก.พ.--มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) เป็นสถาบันการศึกษาที่มีภารกิจทางด้านวิชาการประกอบด้วย การวิจัย การผลิตบัณฑิต และการทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้กับหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และการมีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ และในโอกาสที่ในปี พ.ศ. 2555 นี้ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ครบรอบ 52 ปี
รศ.ดร.ศักรินทร์ ภูมิรัตน อธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) เปิดเผยถึงทิศทางและนโยบายของ มจธ.ว่า การผลิตบัณฑิตออกไปสู่สังคมนั้น มหาวิทยาลัยจะเน้นในเรื่องวิชาการอย่างเดียวไม่ได้ และตนมองว่าบัณฑิตเหล่านี้คือ กำลังสำคัญที่จะขับเคลื่อนประเทศให้ด้านต่างๆ ให้พัฒนาไปอย่างยั่งยืน ดังนั้นจึงต้องมีกลไกในการผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพและมีความรับผิดชอบต่อสังคมเป็นสิ่งสำคัญควบคู่กันไป ซึ่งถือเป็นดัชนีชี้วัดของคำว่า “คุณภาพทางการศึกษา” นั่นเอง
รศ.ดร.ศักรินทร์ ได้กล่าวถึงมุมมองและทัศนะคติในฐานะ “ผู้นำ” ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี โดยระบุว่า นโยบายของมหาวิทยาลัยกับมุมมองการรับใช้สังคม หรือเรียกว่า “จิตอาสา” เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งตนมองว่าสิ่งนี้ คือบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบของมหาวิทยาลัย ที่ต้องปลูกฝังต่อบัณฑิตตลอดระยะเวลาการศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัย
“แม้คำว่าคนดีจะฟังดูกว้าง แต่ในกลไกนี้บวกกับคำว่าจิตอาสาผนวกกับปณิธานของมหาวิทยาลัยที่ต้องการ“ผลิตบัณฑิตเก่งและดี” ผมว่านี่คือจุดเริ่มต้นที่บัณฑิตต้องเข้าใจสำหรับการเรียนที่นี่ เพราะนี่คือบริบทของมหาวิทยาลัย ในการรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งนี้คือมุมมองที่สะท้อนออกมาในมุมที่บอกว่าบัณฑิตที่เราผลิตออกไปเก่งและดีอย่างไร ทำอย่างไรให้นักศึกษาที่อยู่กับเราตลอดระยะเวลา 4 ปี มีความสุข สามารถปฏิบัติตน และเข้าใจในบริบทดังกล่าว การมี “จิตอาสา” จึงเป็นสิ่งสำคัญที่มหาวิทยาลัยได้ปลูกฝังให้นักศึกษาตระหนักถึงเรื่องการดูแลสังคม”
รศ.ดร.ศักรินทร์ ยอมรับว่า การผลิตบัณฑิตที่เก่งและเป็นคนดีควบคู่กับการมีจิตอาสาต่อสังคม คือ โจทย์สำคัญที่มหาวิทยาลัยต้องตระหนักให้มากที่สุด ซึ่งสิ่งนี้เป็นบทบาทที่มหาวิทยาลัยได้ปลูกฝังนักศึกษามาเป็นเวลานานนับตั้งแต่ก่อตั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิกฤติน้ำท่วมที่ผ่านมา บทบาทของมหาวิทยาลัยต่อสังคมเด่นชัดมากขึ้น จนทำให้เกิดความร่วมมือกันในด้านต่างๆระหว่างมหาวิทยาลัย ภาคเอกชน และสื่อมวลชน
“ บทบาทของมหาวิทยาลัยต่อสังคมของเรามีมาต่อเนื่องยาวนาน อย่างเหตุการณ์วิกฤตน้ำท่วมในปีที่ผ่านมา เกิดความร่วมมือร่วมแรงกันอย่างมากมายระหว่าง มจธ. กับองค์กรภาคีต่าง รวมไปถึงสื่อมวลชน ซึ่งเป็นกระบอกเสียงในการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร ที่ทำให้เกิดการฝ่าฟันวิกฤติน้ำท่วมครั้งที่ผ่านมาไปได้ด้วยดี สิ่งเหล่านี้เป็นความรู้สึกของ มจธ.ที่เป็น KMUTT Culture Pock นั่นคือ วัฒนธรรมองค์กรของ มจธ. เรามีการช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน ให้ความช่วยเหลือสังคม ซึ่งมีหลายองค์กรที่สนับสนุนในด้านอาหาร น้ำดื่ม การอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ หลังจากที่เราพานักศึกษาลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวบ้านผู้ประสบภัย ความร่วมมือร่วมใจของหลายๆฝ่ายในครั้งนั้น และผมเชื่อว่าเราสามารถฝ่าฟันอุปสรรค วิกฤติไปได้หากเราร่วมแรงร่วมใจกันหลายทิศหลายทางที่ไม่ใช่คิดคนเดียว ทำคนเดียว”
อย่างไรก็ตาม รศ.ดร.ศักรินทร์ ยืนยันว่า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ในวันนี้ คือมหาวิทยาลัยที่พร้อม “รับใช้สังคม” ทั้งในด้านวิชาการและงานวิจัย หลังจากถูกบ่มเพาะมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน เพราะการทำงานรับใช้สังคมถือเป็นส่วนหนึ่งในนโยบายของมหาวิทยาลัย
และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี คือส่วนหนึ่งของสังคม ที่พร้อมจะเปิดกว้างในทุกๆด้าน ขณะเดียวกันความพร้อมดังกล่าวไม่ใช่แค่ตัวเม็ดเงิน แต่สิ่งสำคัญมากกว่านั้นคือการที่บุคลากรของมหาวิทยาลัยมีความคิด มีจิตอาสา มีกำลัง รวมถึงการมีเครือข่ายและพันธมิตรที่พร้อมให้การสนับสนุน สิ่งเหล่านี้จะร่วมกันเป็นฟันเฟืองในการขับเคลื่อนและพัฒนาสังคมไทยให้ก้าวต่อไปได้อย่างยั่งยืน