กรุงเทพฯ--27 ก.พ.--อินโดรามา เวนเจอร์ส
ปี 2554 เป็นปีที่เต็มไปด้วยความท้าทายสำหรับบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือไอวีแอล บริษัทฯ ยังคงรักษาการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพสูงด้วยการเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่มีความเฉพาะนอกเหนือจากผลิตภัณฑ์เดิมที่มีอยู่ ทำให้สามารถรองรับลูกค้าในตลาดผู้บริโภคที่เติบโตที่ดี พร้อมทั้งขยายการเติบโตสู่ธุรกิจรีไซเคิล รวมถึงการรวมเข้ากับห่วงโซ่โพลีเเอสเตอร์แบบครบวงจรมากยิ่งขึ้น
ไอวีแอล ผู้ผลิตในห่วงโซ่โพลีเอสเตอร์แบบครบวงจรชั้นนำระดับโลกประกาศรายได้จากยอดขายรวมในปี 2554 อยู่ที่ 6,102 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากยอดขายรวม 3,055 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2553 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 510 ล้านเหรียญสหรัฐหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 55 จากกำไรสุทธิเดิม 328 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2553 นอกจากนี้หลังจากหักรายการพิเศษ ไอวีแอลยังคงมีกำไรสุทธิ 297 ล้านเหรียญสหรัฐหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 38 จากเดิม 215 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2553 (หลังจากหักกำไรพิเศษสุทธิจำนวน 113 ล้านเหรียญสหรัฐ) ดังนั้นบริษัทฯ มีกำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ 3.29 บาทในปี 2554 เปรียบเทียบกับ 2.46 บาทในปี 2553 คณะกรรมการบริษัทฯ แนะนำจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท ทำให้เงินปันผลรวมในปี 2554 อยู่ที่อัตราหุ้นละ 1 บาทหรือจ่ายเงินปันผลประมาณร้อยละ 30 ตามนโยบายของไอวีแอล
บริษัทฯ มีปริมาณการผลิตประจำปีเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 37 ในปี 2554 แม้ว่าจะประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติในประเทศไทยและใน Alabama สหรัฐอเมริกา ในปี 2554 บริษัทฯ มีกำไรรวมก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา และค่าตัด จำหน่าย (EBITDA) เท่ากับ 558 ล้านเหรียญสหรัฐสะท้อนการเติบโตร้อยละ 28 จากปีก่อน ในขณะที่กำไรหลักรวมก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา และค่าตัด จำหน่าย (Core EBITDA) เท่ากับ 552 ล้านเหรียญสหรัฐหรือมีการเติบโตร้อยละ 38 โดยความต้องการ PET และโพลีเอสเตอร์ของผู้บริโภคมีการเติบโตไปตามที่คาดการณ์ไว้อยู่ที่ร้อยละ 7 ทั่วโลก แต่สภาพอุตสาหกรรมที่ชะลอตัวในไตรมาส 4/2554 นำไปสู่การลดสินค้าคงเหลือคล้ายกับเหตุกาณ์ช่วงไตรมาสที่ 4/ 2551 ที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ในปี 2555 นี้ อุตสาหกรรมจะเริ่มฟื้นตัวและไอวีแอลจะมีอัตราการดำเนินงานที่ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคยุโรป
ไตรมาส 4/2554 บริษัทฯ ได้รับผลกระทบทั้งจากการลดสินค้าคงเหลือในระยะสั้นทั่วโลก เนื่องจากราคา commodities price ที่ปรับตัวลดลง ส่งผลให้ปริมาณการผลิตลดลงรวมถึงความเสียหายจากน้ำท่วมที่โรงงานในจังหวัดลพบุรี การด้อยค่าของสินทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมและการขาดทุนสต๊อก ส่งผลให้มีการขาดทุนสุทธิ 51 ล้านเหรียญสหรัฐและกำไรสุทธิหลัก15 ล้านเหรียญสหรัฐหลังจากการปรับรายการพิเศษ
ไอวีแอลมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีอัตราหนี้สินสุทธิต่อทุนอยู่ที่ 0.7 เท่าและมีสภาพคล่องสูงถึง 1.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งรวมเงินสด, รายการเทียบเท่าเงินสดและวงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้ใช้ ไอวีแอลเพิ่มทุน 17.2 พันล้านบาท (ผ่านการออกหุ้นเพิ่มทุนหรือ TSR) เพื่อรองรับแผนการเติบโตและการออกหุ้นกู้มูลค่า 7.5 พันล้านบาทซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
กลยุทธ์การเข้าซื้อกิจการและเพิ่มมูลค่าของไอวีแอลนั้น ทำให้บริษัทฯ มีนวัตกรรม, ผลิตภัณฑ์ที่มีกำไรสูง, เข้าสู่ตลาดใหม่และมีบุคลากรที่หลากหลายและมีประสบการณ์ ซึ่งจะเอื้อให้เกิดประโยชน์ต่อธุรกิจเดิมที่มีอยู่ โพลีเอสเตอร์ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีราคาย่อมเยาว์ สามารถนำไปรีไซเคิลได้และมีความอเนกประสงค์ สามารถใช้ผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์และสิ่งทอ หลังจากการชะลอตัวในไตรมาสที่ 4/2554 ความต้องการของผู้บริโภคมีแนวโน้มฟื้นตัวในทุกกลุ่มธุรกิจ นำไปสู่อัตราการใช้กำลังการผลิตภาคการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น ลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เนื่องมาจากขนาด ไอวีแอลคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากกระจายตัวของธุรกิจไปยังภูมิภาคหลัก ซึ่งทำให้บริษัทฯเป็นผู้นำตลาด การลงทุนของบริษัทฯในด้านนวัตกรรมและสายผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มส่งผลต่อกำไรในปัจจุบันรวมไปถึงในอนาคต
การเข้าซื้อกิจการ FiberVisions ไม่เพียงแต่เพิ่มผลิตภัณฑ์เส้นใยพิเศษแบบ Mono และ Bi-component ที่นำไปใช้ในสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง แต่ยังทำให้ไอวีแอลเป็นผู้ผลิตเส้นใย Polypropylene ที่ใหญ่ที่สุด การเข้าซื้อกิจการ Old World ส่งผลให้ไอวีแอลเข้าสู่ตลาด Ethylene Oxide และ Mono-ethylene Glycol ซึ่งช่วยส่งเสริมการขยายตัวแบบย้อนหลังไปยังวัตถุดิบหลัก ช่วยเพิ่มกำไรให้กับบริษัทฯ สำหรับการเข้าซื้อกิจการ Wellman International นั้นส่งผลให้ไอวีแอลเป็นผู้ดำเนินธุรกิจรีไซเคิลที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป การดำเนินโครงการรีไซเคิลในสหรัฐอเมริกาและไทยจะช่วยตอกย้ำคำมั่นของเราในการบริการลูกค้าที่ดียิ่งขึ้น