กรุงเทพฯ--27 ก.พ.--ก.ล.ต.
เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2555 ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษากลับคำพิพากษาของศาลชั้นต้นเมื่อวันที่24 พฤศจิกายน 2549 ที่ให้ยกฟ้องนายธีรัชชานนท์ ลาภวิสุทธิสิน อดีตกรรมการผู้จัดการ และนางสาวสุภาพร ลาภวิสุทธิสิน อดีตรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (PICNI) กับพวกรวม 22 ราย โดยศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกนายธีรัชชานนท์ และนางสาวสุภาพร รายละ 12 ปีจากการกระทำอันเป็นความผิดตามตามมาตรา 56 ประกอบมาตรา 312 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ในความผิดดังนี้
ความผิดที่ 1 กรณีเป็นผู้รับผิดชอบการดำเนินงานของ PICNI ในขณะเกิดเหตุปี 2547 ได้ร่วมกันเปลี่ยนวิธีการทำสัญญาให้โรงบรรจุแก๊สที่เป็นบริษัทในเครือญาติหรืออยู่ในความควบคุมของจำเลยทั้งสองเช่าถังแก๊ส เพื่อตกแต่งบัญชี อันเป็นเท็จ เพื่อลวงบุคคลใด ๆ โดยสั่งให้บันทึกรายได้ลงในบัญชีแยกประเภทเป็นเท็จ แล้วนำรายได้นั้นจัดทำและส่งงบการเงินรายไตรมาสที่ 2 และ 3 กับงบการเงินประจำปี 2547ทำให้งบการเงินประจำปี 2547 ของ PICNI แสดงรายได้เพิ่มสูงขึ้นผิดปกติ โดยมีกำไร 178,440,072 บาทซึ่งส่วนใหญ่มาจากค่าเช่าถังแก๊ส และ
ความผิดที่ 2 กรณีร่วมกันจัดทำบัญชี งบการเงิน และรายงานการประชุมคณะกรรมการบริษัท PICNIอันเป็นเท็จ เพื่อลวงบุคคลใด ๆ ว่ามีการอนุมัติให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด อรอุมาการก่อสร้าง กับบริษัทพี. ไพรส์ ซัพพลายส์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด กู้ยืมเงินรวมจำนวน 85,000,000 บาท
นอกจากนี้ ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยอื่นในคดี ดังนี้
(1) จำคุกและปรับผู้ให้ความช่วยเหลือหรืออำนวยความสะดวกแก่นายธีรัชชานนท์ และนางสาวสุภาพรในการกระทำผิดข้างต้น อันเป็นความผิดตามมาตรา 315 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ ดังนี้
เกี่ยวกับความผิดที่ 1 จำคุกผู้ให้ความช่วยเหลือหรืออำนวยความสะดวกในการกระทำความผิดด้วยการเป็นคู่สัญญาเช่าถังแก๊สกับ PICNI รายละ 5 ปี ได้แก่ นายอนกูล ตั้งเรืองเกียรติ ผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทโรงบรรจุแก๊สเทพารักษ์ จำกัด บริษัทสังข์อ่องก๊าซ จำกัด บริษัทอุตสาหกรรม เอส ซี เอส จำกัด บริษัทโรงบรรจุแก๊ส นครปฐม จำกัด บริษัทโรงบรรจุแก๊ส แจ้งวัฒนะ 23 จำกัด นายพิริยะ ถาวรผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทลาดกระบัง ปิโตรเลี่ยม จำกัด บริษัทโรงบรรจุแก๊ส ยูนิเวอร์แซล จำกัด
บริษัทปทุมเกตน์ เทรดดิ้ง จำกัด นางสาวนุชนาฎ ปริกสุวรรณ ผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทโรงบรรจุแก๊ส โพรงมะเดื่อ จำกัด นายปรเมษ ลอองสุวรรณ ผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทโรงบรรจุแก๊ส ธรรมศาลา จำกัด นายทวีทรัพย์ เกริกเกียรติศักดิ์ ผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทสังข์อ่องก๊าซ จำกัด นายกฤษณ์ โปรยเจริญผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทโรงบรรจุแก๊ส นครปฐม จำกัด นายเฉลิมชัย ชุบผา ผู้ถือหุ้นใหญ่และรับว่าเป็นเจ้าของ ผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทโรงบรรจุแก๊สดังที่กล่าวมา และปรับนิติบุคคลซึ่งเป็นโรงบรรจุแก๊ส รายละ 600,000 บาท ทั้งนี้ นายปรเมษ ลอองสุวรรณ ไม่มาฟังคำพิพากษา ศาลมีการออกหมายจับไว้ก่อนหน้า
เกี่ยวกับความผิดที่ 2 จำคุกนายพินิจ พุทธศาสตร์ 5 ปี และปรับบริษัท พี.ไพรส์ ซัพพลายส์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด เป็นเงิน 600,000 บาท ฐานช่วยเหลือให้ความสะดวกในการกระทำความผิด
(2) ปรับ PICNI 100,000 บาท ฐานนำส่งงบการเงินรายไตรมาส และงบการเงินประจำปี 2547ที่มีการบันทึกบัญชีไม่เป็นไปตามแม่บทการบัญชีว่าด้วยหลักการจับคู่รายได้กับค่าใช้จ่าย เป็นความผิดตามมาตรา 56 ประกอบมาตรา 274 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ
คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2548 ก.ล.ต. ได้กล่าวโทษต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายธีรัชชานนท์ นาวสาวสุภาพร และบุคคลอีก 8 รายข้างต้น ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนของโรงบรรจุแก๊ส ในกรณีเกี่ยวกับการกระทำความผิดข้างต้น และพนักงานอัยการได้ฟ้องบุคคลที่ ก.ล.ต. กล่าวโทษ โดยเพิ่มเติมนิติบุคคลซึ่งเป็นโรงบรรจุแก๊ส เป็นจำเลย รวม 22 ราย ต่อศาลชั้นต้น ซึ่ง ก.ล.ต. และกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ประสานความร่วมมือกับพนักงานอัยการในการพิจารณาคำพิพากษาและยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น อันทำให้ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาลงโทษจำเลยในคดีดังกล่าว
นายวสันต์ เทียนหอม รองเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า “คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ในคดีนี้จะเป็นอุทาหรณ์ให้ผู้บริหารของบริษัทจดทะเบียนซึ่งเป็นบริษัทที่มีประชาชนถือหุ้นอยู่เป็นจำนวนมาก เพิ่มความระมัดระวังในการบริหารกิจการด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และจัดทำงบการเงินและเอกสารทางบัญชีของบริษัทให้เป็นไปตามมาตรฐานการบัญชี นอกจากนี้ ยังเป็นกรณีตัวอย่างในการประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมายเพื่อนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพจึงต้องขอขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อันได้แก่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ และสำนักงานอัยการสูงสุด (สำนักงานคดีพิเศษ และสำนักงานคดีศาลสูง) โดยเฉพาะอย่างยิ่งพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการผู้รับผิดชอบในสำนวนคดีดังกล่าวทุกท่าน มา ณ โอกาสนี้”