กรุงเทพฯ--28 ก.พ.--เมืองไทยประกันภัย
“เมืองไทยประกันภัย” เผยผลการดำเนินงานของปี 2554 กำไรสุทธิ 57.01 ล้านบาทลดลง 85.5% โดยมีผลขาดทุนจากการรับประกันภัย 30.51 ล้านบาทในขณะที่มีรายได้และกำไรจากการลงทุนจำนวน 333.5 ล้านบาท
นางนวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด(มหาชน) เปิดเผยผลการดำเนินงานของปี 2554 ว่า บริษัทฯ มีผลประกอบการกำไรสุทธิเพียง 57.01 ล้านบาท ซึ่งลดลง อย่างมากจากปีที่มา โดยมีกำไรสุทธิลดลง 336.5 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ 85.5 บริษัทฯ มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 5,745.6 ล้านบาทเติบโตเพิ่มขึ้น 820.75 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 16.7 เมื่อเทียบกับปีก่อน ทั้งนี้มาจากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของเบี้ยประกันภัยประเภทรถยนต์ภาคสมัครใจและประกันภัยประเภทอุบัติเหตุส่วนบุคคล บริษัทฯ มีเบี้ยประกันภัยที่ถือเป็นรายได้ของปี 2554 เพิ่มขึ้น 552.9 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 16.1%
“นอกจากนี้บริษัทฯ มีรายได้และผลกำไรจากการลงทุนในหลักทรัพย์รวม 333.5 ล้านบาทซึ่งปรับตัวดีขึ้นปีที่แล้วคิดเป็นร้อยละ 22.4 ด้านค่าใช้จ่ายในการรับประกันภัยเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากจากปีก่อนจำนวน 748.6 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 20.2 โดยมีสาเหตุสำคัญจากค่าใช้จ่ายสินไหมทดแทนจากเหตุการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นโดยบริษัทฯรับผลขาดทุนจากการรับประกันภัยสุทธิจากการเอาประกันภัยต่อเป็นจำนวน 556 ล้านบาท หากในภาวะปกติที่ไม่รวมเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ กำไรจากการรับประกันภัยในปี 2554 จะสูงกว่า 400 ล้านบาทถือได้ว่าสูงสุดตั้งแต่บริษัทควบกิจการในปี 2551 แม้ว่าโดยภาพรวมบริษัทฯจะมีขาดทุนจากการรับประกันภัยแต่ยังมีรายได้และกำไรจากการลงทุนที่สูงกว่างวดเดียวกันของปี 2553 จำนวน 22.42 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.2 “ นางนวลพรรณ กล่าวเพิ่มเติม
สำหรับความเสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้บันทึกค่าใช้จ่ายไว้แล้วในงบการเงินจากข้อมูลความเสียหายที่ได้รับแจ้งจากผู้เอาประกันประกอบกับการประมาณการอย่างดีที่สุดจากฝ่ายสินไหมและนักคณิตศาสตร์ประกันภัยของบริษัทฯ เพื่อสำรองค่าสินไหมทดแทนที่เกิดขึ้นให้เหมาะสม
อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีความไม่แน่นอนบางส่วนสืบเนื่องจากการอาศัยประมาณการสำรองต่าง ๆ ทั้งที่เป็นสำรองสินไหมทดแทนและส่วนที่เรียกคืนจากการเอาประกันภัยต่อมีการใช้ข้อสมมติฐานจากฝ่ายบริหาร การวิเคราะห์โดยนักคณิตศาสตร์ รายงานการแจ้งความเสียหายจากบริษัทประกันภัยอื่นที่เอาประกันกับบริษัทฯ ตลอดจนผลที่ได้จากการสำรวจภัยของผู้ประเมินอิสระ ดังนั้น ค่าสินไหมทดแทนที่เกิดขึ้นจริงอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปเมื่อมีการจ่ายจริง ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าความเสียหายทั้งหมดจะชัดเจนภายในไตรมาสสองหรือสามของปี 2555 โดยบริษัทฯ ได้มีการจ่ายค่าสินไหมทดแทนทันทีหลังจากตกลงความเสียหายแล้วเสร็จเพื่อเป็นการช่วยเหลือและผ่อนคลายภาระทางการเงินของผู้เอาประกันและเพื่อสนับสนุนนโยบายการทำจ่ายสินไหมที่รวดเร็วของทางคปภ.