กรุงเทพฯ--28 ก.พ.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
แสนสิริโชว์งบไตรมาส 4/54 เติบโตโดดเด่นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แม้จะได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในไตรมาสที่ 4 ก็ตาม โดยรายได้พุ่งกว่า 38 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ดันกำไรเพิ่มขึ้น 72 % ด้านผู้บริหาร “เศรษฐา ทวีสิน” ลั่นปี 55 เร่งเดินหน้าธุรกิจเต็มสูบ มั่นใจศักยภาพการเติบโตของบริษัทในอนาคตโดดเด่น โกยยอดขายกว่า 28,000 ล้านบาท โตกว่า 40% เมื่อเทียบกับปี 2554
นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 4 ปี 2554 ว่า บริษัทฯ มีรายได้อยู่ที่ 7,792 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.21 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้ที่ 5,638 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิที่ 1,066 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 71.94 % จากช่วงเดียวกันของปี 2553 ที่ 620 ล้านบาท ซึ่งผลการดำเนินงานของบริษัทฯในไตรมาส 4 ปี 2554 นี้ ถือเป็นรายได้และกำไรที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์
“ ในไตรมาส 4 ปี 2554 นี้ บริษัทฯ สามารถทำรายได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ค่อนข้างมาก ทั้งในส่วนของรายได้และกำไร ซึ่งตัวเลขการเติบโตถือว่าสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ของแสนสิริ โดยรายได้เติบโตจาก5,638 ล้านบาท เป็น 7,792 ล้านบาท ซึ่งทะลุเป้าที่เราตั้งกันไปประมาณ 1,680 ล้านบาท หรือคิดเป็น 8.84 % ซึ่งเป็นผลจากการที่บริษัทสามารถบริหารจัดการกับผลกระทบจากน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 4 ได้เป็นอย่างดี ผู้ซื้อโครงการจากบริษัทมีความมั่นใจ ทำให้สามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ตามเป้าหมาย ” นายเศรษฐา กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานปี 2554 นั้น บริษัทฯ สามารถดำเนินงานซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ทื่ 20,679 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2553 ที่มีรายได้ 18,755 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.26 % ซึ่งเป็นผลมาจากการวางกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่แตกต่างและโดดเด่นเมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาด รวมทั้งบริษัทฯ มีตลาดที่อยู่อาศัยในทุกระดับ ตั้งแต่ตลาดระดับบน (ไฮเอนด์) กลางและล่าง ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวต่อว่า ในปี 2555 บริษัทฯ ได้คาดการณ์การรายได้ที่ตั้งเป้าหมายไว้ 28,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการขายโครงการที่ 27,000 ล้านบาท และจากรายได้ธุรกิจบริการอีก 1,000 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นอัตราการเติบโตที่ระดับประมาณ 40% เมื่อเทียบกับปี 2554 โดยมีรายได้จากการขาย ที่รอรับรู้ (Presale Backlog ) แล้วเกือบ70% ของรายได้จากการขายโครงการ และในปีนี้จะมีการเปิดตัวโครงการใหม่ของบริษัทฯ ทั้งหมด จำนวน 44 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 46,000 ล้านบาท และความพร้อมในการรุกธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในทุกระดับตลาด และบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายยอดขาย (พรีเซล) อยู่ที่ 32,000 ล้านบาท ซึ่งเติบโตจากปี 2554 ที่มียอดขายที่ 21,000 ล้านบาท โดยในปีนี้จะ เน้นดำเนินธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบ และขยายธุรกิจไปยังทำเลต่างจังหวัดที่มีศักยภาพมากขึ้น อาทิ จังหวัดภูเก็ต เชียงใหม่ และนครราชสีมาในโซนเขาใหญ่ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
นอกจากนั้นโรงงานผลิตชิ้นส่วนคอนกรีตสำเร็จรูป (precast) ที่อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี บนเนื้อที่กว่า 45 ไร่ ใช้งบประมาณลงทุนกว่า 600 ล้านบาท ซึ่งจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในเดือน มีนาคม 2555 นั้น จะส่งผลให้บริษัทฯ สามารถควบคุมต้นทุนการก่อสร้างได้ดีขึ้นและลดระยะเวลาการก่อสร้างได้สั้นลง มีประสิทธิภาพในการทำงานสูงขึ้น และคาดว่าจะทำให้การทำกำไรของบริษัทฯในปีนี้ทีการเติบโตขึ้น โดยในไตรมาสแรกนี้บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าสามารถสร้างยอดขายได้ที่ 10,000 ล้านบาท เพราะยอดขาย ณ ปัจจุบันของบริษัทอยู่ที่ 8,500 ล้านบาทแล้ว และยังมียอดขายภายหลังงาน Life comes homes ที่ตามมาอีกอย่างต่อเนื่อง