กรุงเทพฯ--29 ก.พ.--เวเบอร์ แชนวิค
? แคปติวา ครองตลาดรถเอนกประสงค์เอสยูวี ปี 2554
? เชฟโรเลต ทุกรุ่นได้รับความนิยมจากลูกค้าชาวไทยที่มองหารถคุณภาพที่ไม่ใช่ญี่ปุ่น
? เตรียมเปิดตัวรถรุ่นใหม่ เพื่อเสริมสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว
เชฟโรเลต เผยยอดขายรวมปี 2554 จำนวนทั้งสิ้น 31,595 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 4 เปอร์เซ็นต์และเติบโตขึ้น 58 เปอร์เซ็นต์ จากปี 2553 ขณะที่เดือนมกราคมปีนี้มียอดขายอยู่ที่ 3,785 คัน ดันส่วนแบ่งการตลาดโตเพิ่มขึ้นเป็น 4.96 เปอร์เซ็นต์ มากกว่าเดือนมกราคมของปีที่แล้วเกือบเท่าตัว และส่งให้เชฟโรเลตเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในไทยของกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ที่ไม่ใช่ญี่ปุ่น
เชฟโรเลต แคปติวา คว้าอันดับหนึ่งยอดขายสูงสุดในตลาดรถเอนกประสงค์เอสยูวี ซี ด้วยตัวเลข 6,095 คัน มีส่วนแบ่งการตลาด 45 เปอร์เซ็นต์ในปีที่ผ่านมา โดยในเดือนมกราคมปีนี้ แคปติวามียอดจำหน่าย 711 คัน มากที่สุดในตลาดเอสยูวี ซี ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 83 เปอร์เซ็นต์
มร.อันโตนิโอ ซาร่า รองประธานฝ่ายขาย การตลาด และบริการหลังการขาย ประจำประเทศไทย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เป็นการเริ่มต้นปีที่ดีเยี่ยมของเชฟโรเลต ถึงแม้หนทางยังอีกยาวไกล แต่ด้วยอัตราเติบโตอย่างก้าวกระโดดที่เป็นแรงส่งต่อเนื่องมาจากปีที่แล้ว ผนวกกับรถรุ่นใหม่ที่กำลังจะเปิดตัว ซึ่งรวมถึงการเปิดตลาดใหม่ของเชฟโรเลตด้วย บริษัทฯ จึงเชื่อมั่นว่า จะสามารถสร้างการเติบโตและแข่งขันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพต่อไป
“เชฟวี่ โคโลราโด และครูซ มียอดขายที่ดีต่อเนื่อง โดยในปีที่แล้ว เรามียอดขายโคโลราโด 8,788 คัน มากที่สุดในตลาดรถกระบะที่ไม่ใช่แบรนด์ญี่ปุ่น ขณะที่ในเดือนมกราคม 2555 เราจำหน่ายโคโลราโดได้ 1,756 คัน มีส่วนแบ่งการตลาดที่ 4.65 เปอร์เซ็นต์ พิสูจน์ให้เห็นว่า โคโลราโด เป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งของลูกค้าที่ไม่ได้มองหารถกระบะญี่ปุ่น” มร.อันโตนิโอ ซาร่า กล่าว
“เราคาดการณ์ว่า ยอดขายของโคโลราโดจะเพิ่มขึ้นอีก เมื่อบริษัทฯ เริ่มจำหน่ายรุ่นครูว์-แค็บ 4 ประตูในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ ซึ่งความต้องการจับจองรถของลูกค้านั้นเพิ่มขึ้นอย่างมาก ผลพวงจากวิกฤตน้ำท่วมที่ผ่านมาและนโยบายคืนภาษีรถคันแรก ดังนั้น เราประเมินว่า โคโลราโด รุ่นใหม่ของเราจะขยายตัวขึ้นในเซกเมนท์รถกระบะตลอดทั้งปีนี้” มร.อันโตนิโอ ซาร่า กล่าว
รองประธานฝ่ายขาย การตลาด และบริการหลังการขาย กล่าวด้วยว่า ความต้องการซื้อรถเชฟโรเลต ครูซ จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน หลังจากครูซ มียอดขายในเดือนมกราคมอยู่ที่ 853 คันหรือคิดเป็นส่วนแบ่งการตลาด 14 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ เชฟโรเลต ครูซ มียอดขายตลอดทั้งปี 2554 ที่ผ่านมาอยู่ที่ 8,296 คันหรือส่วนแบ่งการตลาดที่ 9 เปอร์เซ็นต์
ในเดือนมกราคมปีนี้ อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยมีอัตราเติบโตอยู่ที่ 39.7 เปอร์เซ็นต์ และ 11.5 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคมและเดือนมกราคมปีที่แล้วตามลำดับ
สำหรับตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งอินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ เชฟโรเลต ยังคงมีอัตราเติบโตต่อเนื่องในเดือนมกราคม โดยมียอดขายทั้งหมด 4,766 คันหรือเติบโต 78 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า
ฟิลิปปินส์ เติบโต 70.5 เปอร์เซ็นต์ในเดือนมกราคม 2555 เทียบกับเดือนมกราคมของปีที่แล้ว โดยเชฟโรเลต สปาร์ก ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และเป็นรถที่ขายดีที่สุดในเดือนดังกล่าว ตามมาด้วยเชฟโรเลต ครูซ ขณะที่เชฟโรเลต ออร์แลนโด ก็ได้เสียงตอบรับที่ดีเช่นกัน โดยมียอดขายมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ถึง 139 เปอร์เซ็นต์
มาเลเซีย มีอัตราขยายตัว 64.4 เปอร์เซ็นต์ในเดือนมกราคมที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับเดือนมกราคมของปีที่แล้ว ซึ่งเหนือความคาดหมายเนื่องจากมาเลเซียเพิ่งหยุดยาวกว่าหนึ่งสัปดาห์ในช่วงเทศกาลตรุษจีน โดยครูซ มียอดขายมากที่สุด คิดเป็นสัดส่วน 75.8 เปอร์เซ็นต์
ขณะที่สิงคโปร์ ก็เริ่มต้นปีนี้ได้ดีเช่นเดียวกัน มีอัตราเติบโตในเดือนมกราคมสูงถึง 124 เปอร์เซ็นต์ โดยรถ เชฟโรเลต เอพิกา และครูซ ได้รับความนิยมมากที่สุด มียอดขายคิดเป็นสัดส่วน 61.5 เปอร์เซ็นต์ และ 28.5 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ
ในเดือนมกราคม ตลาดอินโดนีเซีย มียอดขายลดลงเล็กน้อย (เทียบเดือนมกราคมปีนี้ กับมกราคมปีที่แล้ว) แต่เติบโตขึ้นจากเดือนธันวาคมปีที่แล้ว 36 เปอร์เซ็นต์ โดยมีเชฟโรเลต แคปติวา และสปาร์ก ที่ทำยอดขายได้สูงสุดในอินโดนีเซีย
เชฟโรเลต โคโลราโด ถือเป็นรถกระบะอันดับหนึ่งสำหรับลูกค้าที่มองหารถกระ บะที่ไม่ใช่แบรนด์ญี่ปุ่น ในปี 2554 และเดือนมกราคม 2555 โดยคาดว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เมื่อโคโลราโด รุ่นครูว์-แค็บ ออกวางจำหน่ายในช่วงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้
เชฟโรเลต แคปติวา มียอดจำหน่ายสูงสุดในเซกเมนท์รถเอนกประสงค์
เอสยูวี ในปี 2554 และเดือนมกราคม 2555 มีส่วนแบ่งตลาด 83 เปอร์เซ็นต์ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา
เชฟโรเลต คาดการณ์ว่า ยอดขายของ ครูซจะเพิ่มขึ้นจากแคมเปญการตลาดใหม่ หลังจากประสบความสำเร็จ ด้วยการเป็นอันดับสามในตลาดรถคอมแพกต์ซีดานในปี 2554 ก่อนที่จะขยับขึ้นมาเป็นอันดับสองในเดือนมกราคมที่ผ่านมา พร้อมส่วนแบ่งการตลาดที่ 14 เปอร์เซ็นต์