กรุงเทพฯ--29 ก.พ.--ก.ล.ต.
นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ ก.ล.ต. เปิดเผยว่า จากกรณีที่ราคาปิดของกองทุนรวมทองคำที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ (Gold ETF) มีความผิดปกติเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2554 ส่งผลกระทบต่อการคำนวณ NAV ของกองทุนรวมทองคำในไทย ซึ่งแม้ว่าประกาศสมาคมบริษัทจัดการลงทุนในปัจจุบันจะเปิดช่องให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) สามารถใช้ดุลยพินิจร่วมกับผู้ดูแลผลประโยชน์ในการกำหนดราคาที่เหมาะสมได้ แต่ไม่มี บลจ. ใดใช้ช่องทางดังกล่าว เพราะไม่แน่ใจว่า
ราคาใดจะเหมาะสม ก.ล.ต. จึงได้หารือกับสมาคมบริษัทจัดการลงทุนและได้ข้อสรุปว่า กรณีที่เห็นว่าราคาปิดผิดปกติ บลจ. จะใช้ราคาที่สะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของ Gold ETF เช่น Indicative NAV ของ Gold ETF ซึ่งคำนวณจากราคาทองคำในตลาดซื้อขายทองคำ มาใช้ในการคำนวณ NAV ของกองทุนไทยส่วนในกรณีที่ราคาปิดเป็นปกติ บลจ. ยังคงใช้ราคาปิดของ Gold ETF มาคำนวณ NAV ของกองทุนไทยตามปกติเช่นเดิม
นอกจากนี้ ก.ล.ต.ได้หารือร่วมกับเจ้าหน้าที่ของตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ (Singapore Exchange: SGX)ซึ่ง SGX มองว่าเหตุที่ราคาปิดผิดปกติอาจเกิดจากสภาพคล่องในวันดังกล่าวมีค่อนข้างน้อย ทั้งนี้ SGXได้ให้ความสำคัญกับกรณีดังกล่าวโดยได้ดำเนินการตรวจสอบและได้วางมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาแล้วโดยกำหนดให้ market maker เข้ามาทำหน้าที่ในช่วงก่อนปิดตลาด (call market) ซึ่งจะช่วยให้ราคาปิดเป็นปกติยิ่งขึ้น
นายวรพล กล่าวเพิ่มเติมว่า “ทั้ง ก.ล.ต. และสมาคมบริษัทจัดการลงทุนได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและหาแนวทางที่เหมาะสมในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวทางการคุ้มครองผู้ลงทุนซึ่งในเรื่องนี้เมื่อ ก.ล.ต. ทราบเรื่องก็รีบดำเนินการและติดต่อประสานงานไปทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศ ข้อสรุปที่ได้ร่วมกับสมาคมในครั้งนี้ถือเป็นการดำเนินการที่มีผู้ลงทุนเป็นศูนย์กลางซึ่งความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้ตลาดทุนของเราดำรงอยู่และก้าวหน้าต่อไปได้”
นางวรวรรณ ธาราภูมิ นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน กล่าวว่า “ที่ผ่านมา บลจ. ได้ใช้ราคาปิดตามที่มาตรฐานบัญชีและประกาศสมาคมกำหนด แต่การมาหารือในครั้งนี้ ก็เพื่อให้ บลจ. มีทางออกในการกำหนดราคาที่เป็นธรรมกับผู้ถือหน่วยลงทุนทุกรายและทำให้การคำนวณ NAV สะท้อนมูลค่าที่แท้จริงมากยิ่งขึ้น ซึ่งสมาชิกสมาคมเห็นด้วยกับ ก.ล.ต. ในการกำหนดราคาตามแนวทางดังกล่าว”