TRT บุกตลาดปี 55 ตั้ง “ถิรไทย อี แอนด์ เอส” ลุยธุรกิจรถกระเช้าไฟฟ้า ประเดิมงานชิ้นโบว์แดง กับกฟน. 191 ล้านบาท

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday March 1, 2012 09:23 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--1 มี.ค.--โฟร์ฮันเดรท ถิรไทย หรือ TRT เปิดตัวธุรกิจ และเปิดตัวบริษัทใหม่ “ถิรไทย อี แอนด์ เอส” ลุยธุรกิจรถกระเช้าปั้นจั่นไฮดรอลิคขนาดใหญ่ในระบบไฟฟ้า ประเดิมเซ็นสัญญาแรกกับ กฟน. มูลค่า 191 ล้านบาท ตั้งเป้าโตหลายเท่าตัว พร้อมลุยต่อ กฟภ., กฟผ. รวมถึงเทศบาล และอบต.ต่าง ๆ ทั่วประเทศ หวังดันให้ยอดรวมปี 2555 ของ TRT โตเพิ่มอีกมากกว่า 20 % หลังปี 54 โตกระฉูดกว่า 39.72 % กำไรสุทธิ 199.42 ล้านบาท ด้วยยอดขาย 1,802.51 ล้านบาท พร้อมปันผลเพิ่มอีก 25 สต.ต่อหุ้น จัดเต็มรับ 40 สต. “นายสัมพันธ์ วงษ์ปาน” ย้ำปีนี้ทิศทางสดใส หลังตุน Backlog ในมือแล้วกว่า 900 ล้านบาท นายสัมพันธ์ วงษ์ปาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TRT ผู้ผลิต จำหน่าย และซ่อมบำรุง หม้อแปลงไฟฟ้าทุกขนาดของคนไทยเพียงแห่งเดียว เปิดเผยว่า ในขณะนี้บริษัทฯ ได้เริ่มลงทุนในธุรกิจใหม่ เพื่อเป็นการสร้างรายได้เพิ่มเติมให้กับบริษัทฯ โดยเปิด “บริษัท ถิรไทย อี แอนด์ เอส จำกัด” หรือ “Tirathai Engineering and Solutions” ประกอบธุรกิจด้านรถกระเช้า รถก่อสร้างสายอากาศพร้อมปั้นจั่นไฮดรอลิค (Hydraulic Derrick Line Truck) ด้วยทุนจดทะเบียน 5,000,000 บาท ประเดิมงานชิ้นแรกด้วยการเซ็นสัญญาลงนามซื้อขายรถก่อสร้างสายอากาศพร้อมปั้นจั่นไฮดรอลิค กับการไฟฟ้านครหลวง ด้วยมูลค่างานกว่า 191 ล้านบาท สำหรับกลุ่มเป้าหมายหลัก ๆ ของบริษัทยังคงเป็นกลุ่มของภาครัฐด้านพลังงานไฟฟ้าเป็นหลักทั้ง การไฟฟ้านครหลวง, การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค, การไฟฟ้าฝ่ายผลิต นอกจากนี้เราจะยังขยายตลาดไปยังกลุ่มของเทศบาลเมือง และกลุ่มองค์การบริหารส่วนตำบลต่าง ๆ ทั่วประเทศอีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องมือที่ทุ่นแรงที่จะสามารถใช้งานได้ทุกภาคส่วน โดยตั้งเป้าในปีนี้จะสามารถทำยอดขายได้มากกว่า 200 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตที่สูงมากหลายเท่าตัวในช่วงแรก และจะมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องในกำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 15 % ต่อปี นอกจากนี้ นายสัมพันธ์ ยังได้กล่าวถึงผลการดำเนินงานในปี 2554 ว่า บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้สุทธิ มีผลกำไรสุทธิเท่ากับ 199.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 56.69 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 39.72 โดยมีรายได้จากการขายหม้อแปลงไฟฟ้าอยู่ที่ 1,802.51 ล้านบาท จากปีก่อนปิดที่ 1,426.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 376.08 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 26.37 และรายได้จากการบริการเท่ากับ 52.17 ล้านบาท ลดลง 13.44 ล้านบาท จากปีก่อน 65.61 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 20.48 สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นปี 54 จากรายได้จากการขายเท่ากับร้อยละ 28.75 สูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับร้อยละ 26.99 และอัตรากำไรขั้นต้นจากรายได้จากการบริการ เท่ากับร้อยละ 70.58 ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับร้อยละ 70.61 เนื่องจากบริษัทสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายในการขายเท่ากับ 109.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.67 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 38.79และค่าใช้จ่ายในการบริหารเท่ากับ 198.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.20 ล้านบาท คิดเป็น ร้อยละ 13.25 และต้นทุนทางการเงินเท่ากับ 21.30 ล้านบาท ลดลง 4.58 ล้านบาท คิดเป็น ร้อยละ 17.70 นายสัมพันธ์ กล่าวต่อไปว่า ตามที่คณะกรรมการของบริษัทฯ ได้มีการประชุม และได้มีมติประกาศจ่ายเงินปันผลตามนโยบายที่จ่ายไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้และหักสำรองตามกฎหมาย โดยในปีนี้บริษัทฯ ได้อนุมัติให้จ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการประจำปี 2554 ในอัตรา 0.40 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้บริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้ว สำหรับผลการดำเนินงานงวดวันที่ 1 มกราคม 2554 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2554 เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2554 ในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท รวมเป็นเงิน 41,954,601.90 บาท ดังนั้น บริษัทจะจ่ายเงินปันผลเพิ่มเติมในงวดนี้เป็น อัตราหุ้นละ 0.25 บาท รวมเป็นเงินจ่ายปันผลทั้งสิ้น 69,974,599 บาท และในปี 2555 บริษัทฯ คาดว่าจะเป็นอีกปีที่จะมีผลประกอบการที่ดี และเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 20 % เนื่องจากคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ในส่วนของผลิตภัณฑ์หม้อแปลงไฟฟ้าขยายตัวมากขึ้น ปัจจุบันบริษัทฯ มีงานในมือ (Backlog) มูลค่ากว่า 900 ล้านบาทแล้ว แบ่งเป็นงานในภาครัฐบาลกว่า 350 ล้านบาท ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 25 ล้านบาท การไฟฟ้านครหลวง 170 ล้านบาท และการไฟฟ้าฝ่ายผลิต 161 ล้านบาท และ อีก 400 ล้านบาท จะเป็นงานภาคเอกชน และส่งออกต่างประเทศอีก 150 ล้านบาท “สำหรับแผนธุรกิจ ในปี 2555 มีงานที่จะเข้าร่วมประมูลและดำเนินการเสนอราคา มูลค่ากว่า 6,350 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค วงเงิน 2,150 ล้านบาท การไฟฟ้าฝ่ายผลิต 800 ล้านบาท และการไฟฟ้านครหลวง 1,800 ล้านบาท ภาคเอกชนและภาคส่งออกบริษัทฯคาดว่าจะสามารถได้รับงานประมาณ 20 - 30% ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) จะคงรักษาระดับให้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาไม่น้อยกว่า 20 - 25 % ควบคู่กับการรักษาสัดส่วนตลาดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และมาตรการในด้านอื่นๆ เพื่อเป็นการบริหารความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ควบคุมได้ เพื่อรักษาอัตราเติบโตของบริษัทฯ” นายสัมพันธ์ กล่าวปิดท้าย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ