กรุงเทพฯ--1 มี.ค.--อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์
เอชพีย้ำผู้นำตลาดเซิร์ฟเวอร์ ปฏิรูปสู่การใช้แพลทฟอร์มแบบเดี่ยวตอบโจทย์การทำงานที่มีความสำคัญระดับ mission-critical
ต่อยอดแนวคิดโครงสร้างพื้นฐานแบบผนวกของเอชพี (HP Converged Infrastructure) ชูจุดเด่นสร้างความคุ้มค่าในการลงทุน และเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับลูกค้าองค์กร
เอชพี เผยโฉมโครงการ “Odyssey” เปิดมิติใหม่ให้กับระบบไอทีในอนาคต เพื่อรองรับการทำงานที่มีความสำคัญระดับ mission-critical โดยพัฒนาโรดแมปผลิตภัณฑ์ผนวกรวมสถาปัตยกรรมเซิร์ฟเวอร์แบบ UNIX? และ x86 เข้าไว้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และความพร้อมในการใช้งานสูงสุดในตลาด ซึ่งนับว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้าทุกราย
องค์กรธุรกิจต่างต้องจัดการกับความต้องการต่างๆ ที่สูงมากขึ้น ทั้งในด้านการให้บริการ และความกดดันในการบริหารงบประมาณและทรัพยากรด้านไอทีให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลูกค้าเหล่านี้จึงต้องการเซิร์ฟเวอร์แบบ UNIX ที่พร้อมใช้งานและมีความยืดหยุ่นสูง แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงนิยมใช้งานเซิร์ฟเวอร์แบบมาตรฐานอุตสาหกรรมในราคาที่เหมาะสมไปพร้อมๆ กัน
เอชพีมุ่งมั่นพัฒนาแพลทฟอร์มใหม่ๆ ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย บนสถาปัตยกรรมHP BladeSystem ซึ่งเป็นแบบโมดูล่าร์ ช่วยให้ลูกค้าสามารถเลือกสภาพแวดล้อมไอทีที่เหมาะสมกับความต้องการขององค์กร รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นในการปกป้องการลงทุนระยะยาว
โรดแมปการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ของเอชพี มีทั้งผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องทั้งเซิร์ฟเวอร์ตระกูล HP Integrity และ HP NonStop และระบบปฏิบัติการแบบ HP-UX และ OpenVMS นอกจากนี้ ในโรดแมปดังกล่าวยังครอบคลุมถึงการพัฒนาเบลดเซิร์ฟเวอร์ที่มาพร้อมกับหน่วยประมวลผล Intel? Xeon? เพื่อใช้กับเครื่องเซิร์ฟเวอร์ HP Superdome 2 (ใช้รหัสว่า DragonHawk) และเครื่องเบลดเซิร์ฟเวอร์แบบ c-Class blade enclosure ที่สามารถปรับขยายได้ (ใช้รหัสว่า HydraLynx) ในขณะเดียวกันยังมุ่งสร้างความแข็งแกร่งให้กับสภาพแวดล้อมการทำงานบนระบบวินโดวส์และลีนุกซ์ด้วยการดึงนวัตกรรมจากเซิร์ฟเวอร์ HP-UX มาผนวกเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ภายใน 2 ปีข้างหน้านี้
ผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์ HP Superdome 2 มีความพร้อมในการให้บริการสูง ลูกค้าจึงสามารถทำงานที่มีความสำคัญระดับ mission-critical ด้วยระบบปฏิบัติการ HP-UX ที่ใช้โปรเซสเซอร์ Intel Itanium? และยังสามารถขยายการทำงานบนระบบปฏิบัติการ Microsoft Windows หรือ Red Hat Enterprise Linux บนโปรเซสเซอร์ Intel Xeon โดยใช้ตัวเครื่องเซิร์ฟเวอร์ HP Superdome 2 เครื่องเดียวกันและในเวลาเดียวกันได้อย่างสมบูรณ์
นายรุ่งโรจน์ เมธีดุลย์สถิตย์ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ Business Critical Systems (BCS) บริษัท ฮิวเลตต์-แพคการ์ด (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “จากการสำรวจ
ความต้องการของลูกค้าเอชพีจำนวนมากทั่วโลก พบว่าต้องการให้เราขยายขอบเขตความสามารถของเครื่องให้รองรับการทำงานที่มีความสำคัญระดับ mission-critical ที่ปัจจุบันจำกัดอยู่เพียงแค่ในเซิร์ฟเวอร์ตระกูล HP Integrity ที่ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ HP-UX ไปยังเซิร์ฟเวอร์ตระกูล x86 ด้วย ทั้งนี้ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าดังกล่าว เอชพีจึงวางแผนที่จะขยายขีดความสามารถของเซิร์ฟเวอร์ โดยการนำจุดเด่นทางด้านความยืดหยุ่นของเซิร์ฟเวอร์ HP BladeSystem ผสมผสานกับนวัตกรรมเทคโนโลยีระดับเอ็นเทอร์ไพรส์ที่สำคัญต่างๆ ของเอชพี
ทั้งจากผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์ตระกูล HP Integrity และระบบปฏิบัติการ HP-UX ลงไปยังแพลทฟอร์มของเซิร์ฟเวอร์ x86 ให้รองรับการทำงานที่มีความสำคัญระดับ mission-critical ได้ด้วย นอกจากนี้ ยังมีจุดแข็งที่แตกต่างจากคู่แข่ง นั่นคือเอชพีนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ใช้แพลทฟอร์มระบบเปิดแบบรวมศูนย์ และรองรับการทำงานได้กับทุกระบบปฏิบัติการทั้งแบบ Unix (HP-UX), Windows, Linux และ OpenVMS ได้อย่างสมบูรณ์ในอนาคต เราช่วยให้ลูกค้าคลายความกังวลด้านการลงทุนไอที และในขณะเดียวกันยังเป็นการป้องกันการลงทุนในระยะยาวอีกด้วย”
เอชพีมุ่งมั่นตอบสนองการทำงานที่มีความต้องการสูงสุดโดยสร้างสรรค์นวัตกรรมบริการและเทคโนโลยีแพลทฟอร์มต่างๆ ที่ได้รับการยอมรับและมีประสิทธิภาพสูง เพื่อรองรับการทำงานที่มีความสำคัญระดับ mission-critical มาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลามากกว่า 25 ปี
เอชพีสนับสนุนลูกค้าที่ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ หรือลีนุกซ์ ให้ได้รับประโยชน์จากการต่อยอดแนวคิดโครงสร้างพื้นฐานแบบผนวกของเอชพี (HP Converged Infrastructure) บนเซิร์ฟเวอร์ระบบ x86 สำหรับรองรับการทำงานที่มีความสำคัญระดับ mission-critical ดังนี้
— เพิ่มความสามารถในการปรับขยายด้วยผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์ HP Superdome 2 ที่มี 32 ซอคเก็ต มีระบบประมวลผลแบบแบ่งสัดส่วน (symmetrical multiprocessing) ของเซิร์ฟเวอร์ตระกูล x86 หลากหลายตัว จึงสามารถปรับขยายได้หลายร้อยคอร์ รองรับปริมาณการทำงานที่ใหญ่และมีความซับซ้อนได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ระบบดังกล่าวยังช่วยให้ลูกค้าสามารถกระจายทรัพยากรไอทีที่ใช้งานร่วมกันได้อย่างคล่องตัวและมีความยืดหยุ่นสูง สามารถจัดการปริมาณ การทำงานได้ตั้งแต่น้อยสุดไปจนถึงมากสุดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
— เพิ่มความน่าเชื่อและความยืดหยุ่น ด้วยตัวเครื่องเบลดเซิร์ฟเวอร์แบบ c-Class blade enclosure ที่มีขนาด 2, 4 และ 8 ซอคเก็ต ให้สามารถปรับขยายได้สำหรับเบลดเซิร์ฟเวอร์ตระกูล x86 อีกทั้งรองรับการทำเวอร์ช่วลไลเซชั่น และมีความพร้อมในการทำงานที่มีความสำคัญระดับ mission-critical บนตัวเครื่องของ HP BladeSystem C-Class enclosure ที่มีความแข็งแกร่งทนทานสูง
— เพิ่มความพร้อมในการทำงานเพื่อรองรับแอพพลิเคชั่นที่มีความสำคัญมากของระบบปฏิบัติการลีนุกซ์ ด้วยโซลูชั่น HP Servicesguard ซึ่งช่วยจัดการย้ายการทำงานระหว่างเซิร์ฟเวอร์โดยอัตโนมัติ ในกรณีที่ระบบล่ม หรือตามที่กำหนดไว้
— เพิ่มความยืดหยุ่นและความพร้อมในการใช้งานของเซิร์ฟเวอร์ x86 ด้วยเทคโนโลยี HP nPartitions (HP nPars) ซึ่งช่วยแบ่งทรัพยากรต่างๆ ของระบบเพื่อรองรับปริมาณงานที่แตกต่างและหลากหลาย ทั้งนี้ เทคโนโลยี HP nPars คือการใช้ระบบไฟฟ้าเพื่อแยกระบบการทำงานออกจากระบบย่อยภายในได้อย่างเด็ดขาด ช่วยลดการเกิดระบบล่ม โดยลูกค้าสามารถปรับขยายการทำงานภายใต้ระบบแบบเดี่ยวได้อย่างง่ายดาย
— ส่งเสริมแผนพัฒนาธุรกิจให้มีความแม่นยำและต่อเนื่องยิ่งขึ้น ด้วยโซลูชั่น HP Analysis Engine for x86 ที่ติดตั้งมาพร้อมกับเฟิร์มแวร์ของระบบ โซลูชั่นดังกล่าวสามารถทำให้การวิเคราะห์และการแก้ไขข้อผิดพลาดของระบบที่ซับซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างแม่นยำ ในขณะเดียวกันยังสามารถฟื้นฟูเสถียรภาพของระบบได้ภายในไม่กี่วินาที
— เพิ่มความน่าเชื่อถือของเซิร์ฟเวอร์แพลทฟอร์ม x86 ให้มีความคงทนต่อความเสียหาย (fault-tolerant) ด้วยโซลูชั่น HP Crossbar Fabric ที่สามารถกำหนดทิศทางการสัญจรของข้อมูลภายในระบบได้อย่างชาญฉลาด และยังช่วยจัดการกับข้อมูลที่ซ้ำซาก ทำให้ระบบมีความพร้อมในการให้บริการมากขึ้น
— ยกระดับความพร้อมในการให้บริการที่สูงขึ้น ด้วยบริการ HP Mission Critical Services ที่สามารถระบุสาเหตุที่เป็นไปได้และแก้ไขปัญหาระบบไม่ทำงานได้อย่างตรงจุด
เสียงตอบรับจากพันธมิตรต่อโครงการ “Odyssey”
มร. เคิร์ก สคูเกน รองประธาน และผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจ Datacenter and Connected Systems Group บริษัท อินเทล กล่าวว่า “อินเทลมุ่งมั่นต่อยอดนวัตกรรมด้วยการนำเสนอโรดแมปของหน่วยประมวลผล Itanium หลายหลายรุ่น โดยผนวกรวมความสามารถในปัจจุบันและอนาคตของการทำงานที่มีความสำคัญระดับ mission-critical ลงในหน่วยประมวลผล Intel Xeon ส่งผลให้เอชพีและอินเทลสามารถนำเสนอทางเลือกที่มีความยืดหยุ่นยิ่งขึ้นให้กับลูกค้า ทั้งนี้ ด้วยการทำงานร่วมกันกับเอชพี ทำให้เรามีความสามารถที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้ารองรับการทำงานที่มีความสำคัญระดับ mission-critical ได้สมบูรณ์แบบตามที่ลูกค้าต้องการ โดยครอบคลุมหลากหลายระบบปฏิบัติการและแอพพลิเคชั่น”
มิสรีเบคก้า ปรูด์ออมม์ รองประธาน ฝ่ายการตลาดโซลูชั่นส์และผลิตภัณฑ์ บริษัทแอมด๊อกซ์ กล่าวว่า “จากประสบการณ์ของบริษัทแอมด๊อกซ์ในการติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ HP-UX / Integrity เพื่อใช้เป็นแพลทฟอร์มการทำงานที่มีความสำคัญระดับ mission-critical เพื่อรันโซลูชั่น BSS/OSS ของเรา พบว่าได้รับเสียงตอบรับในทางที่ดีมากๆ มาโดยตลอด ทั้งนี้ การต่อยอดแนวคิดโครงสร้างพื้นฐานแบบผนวกของเอชพี
(HP Converged Infrastructure) สำหรับเซิร์ฟเวอร์ x86 ที่ใช้ระบบปฏิบัติการลีนุกซ์ ส่งผลให้ลูกค้าสามารถใช้สถาปัตยกรรมของ Superdome 2 และได้รับประโยชน์ทางด้านความคุ้มค่าจากการใช้เซิร์ฟเวอร์ x86 ในขณะเดียวกันยังได้ใช้งานแพลทฟอร์มที่มีความแข็งแกร่ง ปรับขยายได้ และมีความพร้อมในการใช้งาน”
มร. เอดูอาโด โรซินี รองประธานฝ่ายการตลาด SQL Server บริษัทไมโครซอฟท์ กล่าวว่า “ลูกค้าองค์กรมั่นใจว่าไมโครซอฟท์และเอชพีสามารถตอบโจทย์ความต้องการของเขาได้เป็นอย่างดี จากการขยายความร่วมมือระหว่างไมโครซอฟท์และเอชพี เราจึงสามารถผนวกรวมเซิร์ฟเวอร์และซอฟต์แวร์ชั้นนำของโลกไว้ด้วยกัน เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้งานระบบจัดการฐานข้อมูล SQL Server และระบบปฏิบัติการ Microsoft Windows Server ที่ทำงานบนผลิตภัณฑ์ต่างๆ ภายใต้แนวคิดโครงสร้างพื้นฐานแบบผนวกของเอชพีที่สามารถปรับขยายได้และมีความยืดหยุ่นสูง เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายในการทำงานที่มีความสำคัญระดับ mission-critical ของลูกค้าในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
มร. พอล คอร์มีเย่ รองประธานบริหาร และประธาน กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยี บริษัท เรด แฮท กล่าวว่า “เรด แฮท และเอชพี ทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลานานกว่าทศวรรษเพื่อสนับสนุนนวัตกรรมที่โดดเด่นของเซิร์ฟเวอร์และเทคโนโลยีสำหรับระบบปฏิบัติการลีนุกซ์ การขยายประสบการณ์
การทำงานที่มีสำคัญระดับ mission-critical สู่สภาพแวดล้อมการทำงานของเซิร์ฟเวอร์ x86 จะช่วยให้ลูกค้าได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้นทั้งทางด้านประสิทธิภาพของแอพพลิเคชั่น ความสามารถในการปรับขยาย และความปลอดภัยซึ่งมีอยู่ในระบบ Red Hat Enterprise Linux ที่ติดตั้งในเซิร์ฟเวอร์ของเอชพี เพื่อตอบสนองความต้องการการทำงานของลูกค้าได้สูงสุด”