ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เผยผลการดำเนินงาน ปี 54 แสดงฐานะทางการเงินและผลกำไรเติบโตแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday March 1, 2012 14:56 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--1 มี.ค.--ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เผยผลการดำเนินงาน ปี 54 แสดงฐานะทางการเงินและผลกำไรเติบโตแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง พร้อมเงินกองทุนชั้นที่ 1 มากกว่า 12,000 ล้านบาท โชว์ศักยภาพหลังยกระดับเป็นธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบ ตั้งเป้าปี 55 โต 25% วางคอนเซ็ปต์ชัด มุ่งขยายฐานสินเชื่อธุรกิจทั้งรายใหญ่ และ SME ผ่านสาขาภูมิภาค นางศศิธร พงศธร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH Bankกล่าวถึงผลการดำเนินงานในปี 2554 ว่า “สิ่งที่ถือเป็นความก้าวหน้าของธนาคารในช่วงปี 2554 ที่ผ่านมา คือ การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อเดือนพฤษภาคม 2554 และ การยกระดับเป็นธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบ เมื่อธันวาคม 2554 จากการเพิ่มทุนเป็น 12,000 ล้านบาท นั้น ส่งผลให้ธนาคารมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดย ณ สิ้นปี 2554 ธนาคารมีจุดแข็งที่สำคัญในด้านเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงซึ่งอยู่ในระดับสูงถึง 24.8% สูงที่สุดในระบบ ซึ่งมีค่าเฉลี่ยที่ 15.1% จึงสามารถที่จะรองรับการขยายตัวของธุรกิจ และสร้างความหลากหลายทางธุรกิจของธนาคารได้ในอนาคต กำไรสุทธิของธนาคาร เพิ่มถึง 25.5% เทียบกับปีก่อน โดยกำไรสุทธิของธนาคารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น 44.2% รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด 105% และรายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มสูงถึง 38% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สินทรัพย์ของธนาคารเติบโตอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องไปกับการเติบโตของสินเชื่อ โดยสินทรัพย์และสินเชื่อของธนาคารเติบโตใกล้เคียงกัน ถึง 30% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของระบบ โดยสินเชื่อของธนาคารอยู่ที่ 54,947 ล้านบาท จากการเติบโตของสินเชื่อ SME อย่างก้าวกระโดดถึง 91% เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ที่จะเพิ่มสัดส่วนของสินเชื่อ SME มากขึ้น จากเดิมที่สัดส่วนสินเชื่อ SME มีอยู่ 31% ขณะที่สินเชื่อรายย่อยมี อยู่ 69% ณ สิ้นปี 2553 ขยายเพิ่มเป็นสินเชื่อ SME 46% และสินเชื่อรายย่อยมาอยู่ที่ 54% ณ สิ้นปี 2554 ธนาคารเล็งเห็นโอกาสที่จะเติบโตได้ เนื่องจากในช่วง 3-5 ปี ต่อจากนี้ไป เราจะเห็นการเพิ่มศักยภาพของ SME ภายในประเทศที่เพิ่มมากขึ้น จากการผลักดันและการสนับสนุนโดยรัฐบาล เพื่อรองรับการเข้าสู่ “ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน” หรือ ASEAN Economic Community (AEC) ในปี 2558 อีกทั้ง ธนาคารมีนโยบายการให้สินเชื่อที่ให้ความสำคัญต่อคุณภาพของสินทรัพย์และการบริหารสินเชื่อด้อยคุณภาพ ทำให้ธนาคารมีสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Gross NPL) อยู่ที่ 1.6% ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของระบบ นอกจากนี้ จากการแข่งขันด้านการหาแหล่งที่มาของเงินทุนในระบบธนาคารเพื่อรักษาสภาพคล่อง ธนาคารจึงขยายฐานเงินฝากอย่างต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นปี 2554 ธนาคารมีแหล่งที่มาของเงินทุนจำนวน 58,569 ล้านบาท เติบโตถึง 27.8% โดยการออกผลิตภัณฑ์เงินฝากที่หลากหลายผ่านช่องทางการขยายสาขาที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาอยู่ที่ 44 สาขา ณ สิ้นปี 2554 และตั้งเป้าหมายขยายสาขาอีกจำนวน 17 สาขา เป็น 61 สาขา ในปี 2555 นี้ สอดคล้องกับเป้าหมายเงินฝากของธนาคารให้เติบโต 30%” นางศศิธร กล่าวเพิ่มเติมว่า “หลังจากที่ธนาคารได้ยกระดับเป็นธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบ เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2554 นั้น จะทำให้ธนาคารสามารถขยายโอกาสในการดำเนินธุรกิจของธนาคารให้เปิดกว้างครอบคลุมมากขึ้น การใช้เงินกองทุนอย่างมีประสิทธิภาพ การอำนวยสินเชื่อสู่สินเชื่อธุรกิจรายใหญ่ รวมถึงการสร้างพนักงานให้มีประสิทธิภาพ และมีความเป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น ขณะที่ Core Banking ของธนาคาร ดูแลด้วยระบบ Silver Lake ซึ่งเป็นระบบเดียวกันกับที่สถาบันการเงินในประเทศและสถาบันการเงินนานาชาติหลายแห่งในภูมิภาคนี้ใช้บริการ และแม้จะเป็นธนาคารขนาดเล็ก ธนาคารยังใส่ใจในการรักษาเสถียรภาพของระบบ Core Banking ด้วยระบบ Hot Site ของ IBM ทำงานร่วมกัน เพื่อให้ผู้ใช้บริการมั่นใจได้ว่าจะไม่เกิดปัญหาทางด้านเทคนิคใดๆ นอกจากนี้ ธนาคารได้ใช้บริการจากบริษัท Deloitte มาเป็นที่ปรึกษาด้านระบบงานบัญชีตามเกณฑ์ IAS 39, IFRS 7 และ ระบบงาน Asset and Liability Management ธนาคารเล็งเห็นถึงความสำคัญในการสนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์บริการและข้อมูล ให้มีความเสถียรภาพในระยาวที่เทียบเคียงได้กับธนาคารขนาดใหญ่ สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2555 นี้ ธนาคารจะมุ่งเน้นการขยายการเติบโตทางธุรกิจในอัตราที่สูงอย่างต่อเนื่องจากปี 2554 โดยให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างศักยภาพของธนาคารในด้านต่างๆ ให้สามารถแข่งขันกับธนาคารพาณิชย์อื่นๆ ได้ดียิ่งขึ้นโดยตั้งเป้าหมายที่จะขยายสินเชื่อให้เติบโตไม่น้อยกว่า 25% ขณะที่แผนการขยายฐานเงินฝากจะเน้นกลยุทธ์การใช้สาขาในการบุกเบิกและสร้างฐานลูกค้าใหม่ ซึ่งจะขยายการบริการไปยังส่วนภูมิภาคมากขึ้น โดยส่วนใหญ่เน้นทำเลที่ตั้งใกล้แหล่งเศรษฐกิจและชุมชน โดยทุกสาขาของธนาคารมีบริการด้านธุรกรรมทางการเงินหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ด้านสินเชื่อธุรกิจ, สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย, ผลิตภัณฑ์ด้านเงินฝาก อาทิ เงินฝากไม่ประจำ ซึ่งปัจจุบันให้อัตราดอกเบี้ยสูงถึง 2.75% อีกทั้งธนาคารมีแผนเปิดให้บริการ Internet Banking เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงธนาคารได้ดียิ่งขึ้น โดยคาดว่าจะให้บริการได้ประมาณปลายปีนี้” นางศศิธร กล่าว สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม: ส่วนโฆษณาและประชาสัมพันธ์ โทร. 02-359-0283, 081-208-6306

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ