กรุงเทพฯ--1 มี.ค.--ก.ล.ต.
เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2555 ศาลอาญามีคำพิพากษาลงโทษจำคุกนายสนธิ ลิ้มทองกุล นายสุรเดช มุขยางกูร นางสาวเสาวลักษณ์ ธีรานุจรรยงค์ และนางสาวยุพิน จันทนา อดีตกรรมการบริษัท แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (“MGR”) ในความผิด ดังนี้
(1) ร่วมกันจัดทำสำเนารายงานการประชุมคณะกรรมการของ MGR เป็นเท็จว่ามีมติให้ MGR เป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ของบริษัท เดอะ เอ็ม.กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (“TMG”) ที่นายสนธิเป็นผู้ถือหุ้น กับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (“KTB”) จำนวน 1,078 ล้านบาท และไม่ได้ขออนุมัติจากมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในการก่อภาระหนี้ผูกพันโดยเข้าลงนามทำสัญญาค้ำประกันการกู้ยืมเงินของ TMG และลงนามรับรองสำเนารายงานการประชุมคณะกรรมการ MGR ดังกล่าว ต่อ KTB ซึ่งทำให้ MGR ได้รับความเสียหายจากการ
ต้องรับภาระเป็นผู้ชำระหนี้ให้กับ KTB เป็นจำนวนเงิน 259 ล้านบาท
(2) ร่วมกันยอมให้ MGR มีการบันทึกบัญชีไม่ถูกต้องตรงต่อความเป็นจริง โดยไม่ได้บันทึกภาระค้ำประกันเงินกู้ยืมตาม (1) ซึ่งเป็นรายการที่ทำให้รายได้ของ MGR เปลี่ยนแปลงผิดปกติ และนำส่งงบการเงินของ MGR ในระหว่างปี 2539 - 2541 ต่อ ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อลวงให้ผู้ถือหุ้นของ MGRขาดประโยชน์ที่ควรจะได้รับ และลวงให้นักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่ได้รับรู้ถึงภาระค้ำประกันหนี้เงินกู้ดังกล่าว
การกระทำข้างต้นเป็นความผิดมาตรา 307 311 312(1)(2)(3) และ 313 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 หลายกรรมต่างกัน ลงโทษตามมาตรา 91 แห่งประมวลกฎหมายอาญาลดโทษกึ่งหนึ่งเนื่องจากจำเลยรับสารภาพ พฤติการณ์แห่งคดีไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ ดังนี้
- จำคุกนายสนธิในความผิด 17 กระทง ๆ ละ 5 ปี รวม 85 ปี ลดโทษกึ่งหนึ่งคงเหลือ 42 ปี 6 เดือน
- จำคุกนายสุรเดชในความผิด 1 กระทง 5 ปี ลดโทษกึ่งหนึ่งคงเหลือ 2 ปี 6 เดือน
- จำคุกนางสาวเสาวลักษณ์ในความผิด 17 กระทง ๆ ละ 5 ปี รวม 85 ปี ลดโทษกึ่งหนึ่งคงเหลือ42 ปี 6 เดือน
- จำคุกนางสาวยุพินในความผิด 13 กระทง ๆ ละ 5 ปี รวม 65 ปี ลดโทษกึ่งหนึ่งคงเหลือ 32 ปี 6 เดือน
แต่ประมวลกฎหมายอาญากำหนดโทษจำคุกสูงสุดของความผิดตาม (1) และ (2) ไม่เกิน 20 ปี* จึงลงโทษจำคุกนายสนธิ นางสาวเสาวลักษณ์ และนางสาวยุพิน คนละ 20 ปี
* - ความผิดมาตรา 307 311 312(1)(2)(3) และ 313 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ แต่ละมาตรามีระวางโทษจำคุกขั้นต่ำ 5 ปี และขั้นสูง 10 ปี การถูกกำหนดโทษจึงขึ้นอยู่กับจำนวนกระทงที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดของแต่ละคน
- ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(2) กำหนดว่า กรณีที่ผู้กระทำความผิดหลายกรรมต่างกันให้ศาลลงโทษผู้นั้นทุกกรรมเป็นกระทงความผิด และหากกระทงที่โทษหนักที่สุดมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว โทษจำคุกรวมทั้งหมดต้องไม่เกิน 20 ปี