กรุงเทพฯ--1 มี.ค.--PRdd
นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ รองประธานกรรมการ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า ราคาทองคำได้ปรับตัวลดลงรุนแรงที่สุดในปีนี้ โดยปรับตัวลงไป 89.79 ดอลลาร์ต่อออนซ์ คิดเป็น 5.03% จากวันก่อนหน้า โดยราคาทองคำปิดไปที่ระดับ 1,695 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากแถลงการณ์ของผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ ( เฟด) เบน เบนเนเก้ ซึ่งมีมุมมองที่ดีขึ้นต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ เนื่องจากอัตราว่างงานปรับตัวลดลงเร็วกว่าที่เฟดคาดการณ์ จนมาอยู่ที่ 8.3% และหากอัตราว่างงานยังลดลงอย่างรวดเร็วต่อเนื่อง เฟดก็จะทบทวนมุมมองที่มีต่อเศรษฐกิจอีกครั้ง อย่างไรก็ตามทางเฟดก็ยังคงติดตามสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิด รวมทั้งความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกจากปัญหาในด้านการเงินและการคลังของประเทศในกลุ่มยูโร
โดยถ้อยแถลงดังกล่าวส่งผลเชิงลบต่อราคาทองคำอย่างรุนแรง เนื่องจากนักลงทุนต่างคาดหวังถึงมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE3) ว่าจะเกิดขึ้นในไม่ช้า แต่ถ้อยแถลงดังกล่าวไม่ได้มีสัญญาณถึงสิ่งที่นักลงทุนต่างคาดหวัง การเทขายทำกำไรจึงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากแถลงการณ์ดังกล่าวจะกดดันราคาทองคำแล้ว ปัจจัยทางเทคนิคก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่กดดันราคาทองคำให้ดิ่งลงอย่างหนัก เพราะราคาทองคำไม่สามารถผ่านแนวต้านสำคัญในโซน 1,790 ดอลลาร์/ออนซ์ แรงขายทำกำไรจึงเริ่มต้นขึ้น และเมื่อราคาทองคำหลุด 1,760 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นแนวรับสำคัญ จึงเกิดแรงขายทางเทคนิคออกมาอย่างรุนแรง
นางพวรรณ์ กล่าวว่า สำหรับมุมมองราคาทองคำในช่วงนี้ วายแอลจีประเมินว่าราคาทองคำจะอยู่ในช่วงดีดตัวในลักษณะ Technical rebound ซึ่งหากไม่สามารถขึ้นยืนเหนือ 1,750-1,760 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ 25,300 — 25,430 บาทต่อบาททองคำได้ ประเมินว่าราคาทองคำจะไหลลงสู่ด้านล่างอีกครั้ง โดยวายแอลจีประเมินแนวรับไว้ในบริเวณ 1,680-1,660 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ 24,200-23,910 บาทต่อบาททองคำ
ส่วนกลยุทธ์การลงทุนนั้น วายแอลจี แนะนำให้นักลงทุนสามารถเก็งกำไรในกรอบ 1,680 - 1,760 ดอลลาร์/ออนซ์หรือ 24,270 — 25,430 บาทต่อบาททองคำ พร้อมตั้งจุดตัดขาดทุนให้ชัดเจน หรือหากเป็นนักลงทุนระยะยาว ให้รอซื้อในบริเวณแนวรับ