กรุงเทพฯ--2 มี.ค.--กระทรวงวัฒนธรรม
เมื่อวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๕๕ ที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง นางสุกุมล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวภายหลังการตรวจเยี่ยมความคืบหน้าการก่อสร้างพระเมรุ เพื่อใช้ในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ณ มณฑลพิธีว่า การก่อสร้างพระเมรุในภาพรวมได้ดำเนินการแล้วเสร็จร้อยละ ๗๐ ซึ่งได้ก่อสร้างผนังหุ้มเสาและผนังภายนอกภายในพระเมรุ แล้วเสร็จร้อยละ ๙๐ โดยติดตั้งองค์ระฆังและบัลลังก์เสร็จแล้ว อยู่ระหว่างมุงหลังคาองค์ระฆัง ติดตั้งรวยระกา และราวระเบียง ส่วนอาคารประกอบอื่นๆ ได้แก่ พระที่นั่งทรงธรรม ศาลาลูกขุน ทับเกษตร ทิม สุขา รั้วราชวัติ เสาโคม พลับพลายกสนามหลวง พลับพลายกหน้าพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท เกยลา พลับพลายกหน้าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม งานโครงสร้างอาคารดำเนินการเกือบเสร็จสมบูรณ์แล้ว ขณะนี้กรมศิลปากรได้เร่งดำเนินงานเพิ่มเติมในด้านสถาปัตยกรรม งานศิลปกรรมประกอบพระเมรุ และงานตกแต่งภูมิทัศน์ เพื่อให้แล้วเสร็จตามกำหนดในปลายเดือนมีนาคมนี้
นางสุกุมล กล่าวอีกว่า ส่วนเวชยันตราราชรถ ราชรถน้อยองค์ที่ ๓ พระยานมาศสามลำคาน จำนวน ๒ องค์ เกรินบันไดนาค ๒ เกริน พระวอสีวิกากาญจน์ และพระที่นั่งราเชนทรยาน ขณะนี้กลุ่มวิทยาศาสตร์เพื่อการอนุรักษ์ สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ได้ดำเนินการขจัดฝุ่นและคราบสกปรกเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งพร้อมสำหรับออกประกอบพระราชพิธีฯ ทั้งนี้ ในวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๕ จะมีพิธีบวงสรวงอัญเชิญราชรถ ราชยาน ออกประกอบพระราชพิธีฯ เพื่อเตรียมซ้อมริ้วขบวน และในวันที่ ๑๘และ๒๕ มีนาคมจะเป็นการซ้อมโดยใช้พื้นที่จริง ส่วนวันที่ ๓๑ มีนาคม จะเป็นการซ้อมใหญ่ ก่อนงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพฯ ในวันที่ ๙ เมษายนนี้ นอกจากนี้
ทั้งนี้ สำนักช่างสิบหมู่ ได้ซ่อมแซมลวดลายที่ชำรุดหลุดหายและซ่อมปิดทองประดับกระจกใหม่ให้เกิดความแวววาวสวยงามของเวชยันตราราชรถ ด้านกรมสรรพาวุธทหารบก รับผิดชอบการบูรณปฏิสังขรณ์ เวชยันตราราชรถ ราชรถน้อย หมายเลข ๙๗๘๓ โดยซ่อมแซมโครงเครื่องล่างทั้งหมด ห่วงชักลอกด้านหน้าและด้านหลัง ชุดห้ามล้อหรือระบบเบรก ล้อประดับ ชุดป้องกันการส่ายและชุดยกระดับล้อประดับ และสลิงยึดบุษบก เกรินบันไดนาค หมายเลข ๙๗๘๗ และ ๙๗๘๘ และจานรองพระโกศ ส่วนกรมอู่ทหารเรือรับผิดชอบการทำเชือกฉุดชักราชรถ โดยใช้เชือกเปอร์ล่อนอย่างดีที่มีความหนาเหนียว ทนทาน รับน้ำหนักราชรถได้
ด้าน ดร.โสมสุดา ลียะวณิช อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า เมื่อวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชโองการโปรดเกล้าให้กรมศิลปากรดำเนินการสร้างฉัตรพระเมรุเป็น ๗ ชั้น จากที่มีอยู่ ๕ ชั้น เพื่อเป็นการถวายพระเกียรติยศสูงสุดสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ซึ่งขณะนี้ นาวาอากาศเอก อาวุธ เงินชูกลิ่น อดีตอธิบดีกรมศิลปากร ในฐานะผู้ออกแบบ พระเมรุในพระราชพิธีฯ ได้ปรับแบบยอดพระเมรุและจะดำเนินการก่อสร้างโดยเพิ่มเป็นฉัตร ๗ ชั้น รวมทั้ง พระโกศพระอัฐิ (ทองคำลงยาองค์ใหญ่) ก็จะปรับเป็นยอดฉัตร ๗ ชั้นเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะ มีการจัดพิธียกฉัตรประมาณต้นเดือนเมษายนที่จะถึงนี้อีกด้วย