กรุงเทพฯ--16 เม.ย.--สนพ.
สนพ. มั่นใจตรึงราคาน้ำมันช่วยสกัดการลักลอบนำเข้าน้ำมันเถื่อน ขณะที่รัฐต้องเพิ่มการเฝ้าระวังผู้ลักลอบส่งออกน้ำมันที่ได้รับการชดเชยมากขึ้น เผยล่าสุดส่งหนังสือถึงกรมสรรพสามิตให้จ่ายเงินชดเชยตรึงราคาน้ำมันระยะแรกกว่า 1.7 พันล้านบาท
นายเมตตา บันเทิงสุข ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.)เปิดเผยว่าการดำเนินนโยบายตรึงราคาขายปลีกน้ำมันของภาครัฐตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2547 จนถึงปัจจุบันนั้นเป็นมาตรการสำคัญที่ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการลักลอบนำเข้าน้ำมันที่ไม่ได้มีการเสียภาษี(น้ำมันเถื่อน) เข้ามาจำหน่ายในประเทศ ทั้งนี้ เนื่องจากราคาขายปลีกในปัจจุบันนั้นรัฐได้ทำการชดเชยอยู่ประมาณ 1.80 บาทต่อลิตรซึ่งใกล้เคียงกับน้ำมันที่ไม่ได้มีการเสียภาษีดังนั้นจึงทำให้ไม่เกิดแรงจูงใจในการกระทำความผิดอย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามการค้าน้ำมันเถื่อนจะต้องร่วมมือกันจับตาการส่งออกน้ำมันไปจำหน่ายอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันการลักลอบนำน้ำมันที่รัฐชดเชยส่งออกไปจำหน่ายยังประเทศเพื่อนบ้าน“ปัญหาการลักลอบนำเข้าน้ำมันเถื่อนมาขายในประเทศตอนนี้มีน้อยมากเพราะผู้ค้าเห็นว่ามีรายได้ไม่คุ้มที่จะเสี่ยงแต่ที่ต้องจับตามองคือการลอบนำน้ำมันที่ได้รับการชดเชยไปขายยังต่างประเทศซึ่งนอกจากผู้ค้าจะได้รับเงินส่วนต่างราคาน้ำมันของประเทศเพื่อนบ้านที่ขายในราคาอิงตลาดโลกซึ่งสูงกว่าประเทศไทยแล้วยังได้รับกำไรส่วนเกินจากการชดเชยราคาน้ำมันในประเทศไทยด้วย”
นายเมตตากล่าวต่อถึงความคืบหน้าในการจ่ายเงินชดเชยให้แก่ผู้ผลิตและผู้นำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงว่า เมื่อเร็วๆนี้ สนพ.ได้มีหนังสือขอให้ กรมสรรพสามิตซึ่งเป็นผู้ดูแลการใช้จ่ายเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจ่ายเงินชดเชยให้แก่ผู้ค้าน้ำมันที่ร่วมมือกับภาครัฐในการดำเนินมาตรการตรึงราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิง
ทั้งนี้ การจ่ายเงินชดเชยให้แก่ผู้ค้าน้ำมันแบ่งเป็น 2ระยะ ได้แก่ ระยะแรก ตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม - 9 มีนาคม 2547 และระยะที่สอง ตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคม - 31 พฤษภาคม 2547 สำหรับการจ่ายเงินชดเชยในระยะแรกนั้น รวมเป็นเงิน 1,716.53 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 งวด โดยงวดที่ 1 ประมาณ 1,015.97 ล้านบาท ได้มีการจ่ายเงินชดเชยไปแล้ว ขณะที่งวดที่ 2 ประมาณ 700.56 ล้านบาท จะมีการจ่ายประมาณกลางเดือนเมษายนนี้ ทั้งนี้เป็นการจ่ายเงินชดเชยสำหรับการตรึงราคาน้ำมันเบนซินธรรมดา (ออกเทน 91) มากที่สุด คือประมาณ 727.33 ล้านบาทรองลงมาคือน้ำมันดีเซลหมุนเร็วประมาณ 615.75 ล้านบาท สำหรับการชดเชยระยะที่ 2 (10 มีนาคม-31 พฤษภาคม 2547)นั้น ในเบื้องต้นได้กำหนดให้มีการจ่ายเงินชดเชยเป็นจำนวน3 งวด ซึ่งจะเป็นเงินจำนวนเท่าใดนั้นจะต้องรอดูปริมาณการใช้น้ำมันที่เกิดขึ้นจริงอย่างไรก็ตามขอให้ประชาชนชาวไทยร่วมมือกันใช้น้ำมันอย่างประหยัดและรู้คุณค่าเพื่อลดภาระของประเทศและประชาชนในอนาคต
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : จริยา บูรณะโรจน์
โทรศัพท์ 0 2241 4600 ต่อ 5000--จบ--
-นท-