ผู้รับเหมาปรับตัวรับอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยโต

ข่าวทั่วไป Monday April 19, 2004 14:47 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--19 เม.ย.--เอ็น แอล ดีเวลลอปเม้นท์
ผู้ประกอบการก่อสร้างเชื่อมั่นธุรกิจก่อสร้างไทยเติบโตต่อเนื่องปีละ 30 % ตามนโยบายรัฐบาลที่ขยายการลงทุนก่อสร้างเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เร่งปรับตัวรุกงานสาธารณูปโภค ศูนย์ราชการ และเมืองใหม่ที่จะมีการลงทุนด้านก่อสร้างในปีนี้สูงถึง 290,000 ล้านบาท
นายภูมิสัน โรจน์เลิศจรรยา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็นแอล ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้าง และนายกสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ คาดการณ์แนวโน้มอุตสาหกรรมก่อสร้างของประเทศไทยว่า ปัจจุบันธุรกิจการก่อสร้างของไทยมีการขยายตัวและเติบโตสูงอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 20-30 % ต่อปี ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายและวิธีการบริหารงานของภาครัฐที่เปลี่ยนไป จากเดิมที่มีการตั้งงบประมาณหรือใช้วงเงินกู้จากต่างประเทศมาดำเนินการโครงการก่อสร้าง มาเป็นการตั้งโครงการขึ้นและให้ภาคเอกชนเข้ามาลงทุนในรูปแบบเทิร์นคีย์ และการออกพันธบัตรขายให้ประชาชน อาทิ โครงการเมืองใหม่นครนายก เมืองใหม่รอบสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งรัฐบาลได้ประกาศจะให้ภาคเอกชนเป็นผู้ลงทุนแทนการกู้เงินจากต่างประเทศ
"ล่าสุดรัฐบาลยังได้เห็นชอบให้ก่อสร้างศูนย์ราชการแห่งใหม่ บริเวณถนนแจ้งวัฒนะของ 29 หน่วยงาน ที่ใช้วงเงินลงทุน 20,016 ล้านบาท โดยจะจัดตั้งบริษัทธนารักษ์พัฒนาทรัพย์สิน (ธพส.) ขึ้นมาระดมทุนเพื่อใช้ในการก่อสร้างและบริหารโครงการทั้งจำนวน โดยกระทรวงการคลังจะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน ธพส.ร้อยละ 100" นายภูมิสัน กล่าว และให้รายละเอียดด้วยว่า
ขณะนี้รัฐได้มุ่งเน้นการพัฒนาระบบเศรษฐกิจให้ดีขึ้นด้วยการขยายงานด้านระบบสาธารณูปโภค การขยายเส้นทางรถไฟฟ้าใต้ดินและรถไฟฟ้าบีทีเอส การปรับทิศทางเรื่องการขนส่งมวลชน รวมถึงระบบการขนส่งสินค้าใหม่ที่ส่งผลให้เกิดชุมชนใหม่ขึ้น ซึ่งส่งผลให้งานก่อสร้างขยายตัวสูงตามไปด้วยทั้งด้านอาคารพาณิชย์ ศูนย์การค้า แหล่งเอนเตอร์เทนเมนต์ ร้านค้า โรงพยาบาล สถานศึกษา ฯลฯ โดยคาดหมายว่าจะมีเงินลงทุนเพื่อประกอบการธุรกิจก่อสร้างประมาณ 290,000 ล้านบาท
นายภูมิสัน ยังกล่าวด้วยว่า บริษัท เอ็นแอล ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้รับเหมาก่อสร้างจึงต้องเตรียมความพร้อม ความสามารถในเรื่องการบริหารจัดการ รวมถึงปรับแนวคิด และกำลังทุนให้สอดคล้องกับนโยบายและแผนงานของภาครัฐที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งนี้เพื่อสร้างความแข็งแกร่งทั้งด้านการเงิน และประสิทธิภาพในการบริหารงาน โดยในปีหน้าบริษัทฯ ได้วางแผนที่จะรุกขยายธุรกิจงานก่อสร้างไปยังส่วนของภาครัฐและภาคเอกชนในสัดส่วน 50:50 จากปัจจุบันที่ดำเนินงานก่อสร้างส่วนของภาคเอกชนในสัดส่วน 70 %และงานก่อสร้างส่วนของภาครัฐในสัดส่วน 30 %
"เอ็นแอลฯ จะมุ่งเน้นรับงานราชการเพื่อรองรับงานในส่วนของภาครัฐที่จะขยายตัวเพิ่มสูงขึ้น เพราะเป็นที่คาดหมายว่าในปี 2548 จะมีการลงทุนในส่วนงานภาคราชการเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นโครงการแหลมผักเบี้ยที่อยู่ระหว่างการสำรวจออกแบบ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะที่คาดว่าจะเริ่มในไตรมาส 4 ของปีนี้ โครงการเมืองใหม่นครนายกที่อยู่ระหว่างการเวนคืนที่ดิน" นายภูมิสัน กล่าวพร้อมให้รายละเอียดด้วยว่า
จุดแข็งของเอ็นแอลฯ คือ ความเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจก่อสร้างมาเป็นเวลากว่า 20 ปี ไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้างอาคารทุกประเภท โครงการบ้านพักอาศัย และงานโยธา รวมถึงการบริหารและการจัดการแบบมืออาชีพที่สามารถบริหารต้นทุนการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างแท้จริง
นายภูมิสัน เปิดเผยว่า ในปี 2546 บริษัทฯ ประสบผลสำเร็จในการดำเนินธุรกิจมีรายได้รวม 688 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิรวม 54 ล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีงานโครงการก่อสร้างใหม่ที่สามารถประมูลได้แล้วเป็นมูลค่ากว่า 1,800 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นงานในภาคเอกชนเป็นหลัก อาทิเช่น โครงการบ้านจัดสรรของแลนด์แอนด์เฮ้าส์, อาคารพักอาศัย 21 ชั้น ของโนเบิล และโรงพยาบาลมหาชัย 2 เป็นต้น และยังมีเป้าหมายการประมูลงานถึงสิ้นปีนี้ไม่ต่ำกว่า 2,500 - 3,000 ล้านบาท ผลจากการเติบโตดังกล่าวทำให้บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายว่าจะสามารถทำรายได้จากการดำเนินธุรกิจในปี 2547 ประมาณ 1,250 ล้านบาท และคาดว่าจะมีกำไรสุทธิกว่า 90 ล้านบาท
ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ
คุณลัคคณา ขวัญงาม
คุณสุนีรัตน์ เงินพูลทรัพย์
คุณสิริลักษณ์ เตชนรเศรษฐ์กุล
ที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์
โทร.01-822-2363, 01-614-0923, 01-330-0462--จบ--
-นท-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ