กรุงเทพฯ--19 เม.ย.--บีโอไอ
กิจการด้านพลังงาน 3 โครงการ
กิจการผลิตผงปรุงแต่งอาหารยี่ห้อ รสดี
กิจการผลิตชิ้นส่วนยางสังเคราะห์
กิจการผลิตวัตถุดิบที่ใช้ทำสบู่ ยาสระผม ยาสีฟัน และผงซักฟอกของคาโอ
กิจการผลิตชิ้นส่วนระบบกันสะเทือนสำหรับรถยนต์
นายพินิจ จารุสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ที่มี พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบให้การส่งเสริมการลงทุนแก่กิจการ 7 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุนประมาณ 12,051.7 ล้านบาท ประกอบไปด้วยกิจการดังต่อไปนี้
กิจการผลิตสิ่งปรุงแต่งอาหารประเภท Meat flavor seasoning ภายใต้ชื่อการค้า "รสดี" ของบริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด มีมูลค่าเงินลงทุน 1,434.7 ล้านบาท ตั้งโรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมหนองแค จังหวัดสระบุรี กำลังการผลิตปีละประมาณ 34,400 ตัน จำหน่ายในประเทศร้อยละ 95 อีกร้อยละ 5 จะส่งออกไปประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว เขมร พม่า
กิจการผลิตชิ้นส่วนยางสังเคราะห์สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ของบริษัท ไทย เอ็น โอเค จำกัด เงินลงทุน 2,120 ล้านบาท ตั้งโรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จังหวัดชลบุรีจะผลิตชิ้นส่วนยางสังเคราะห์ปีละประมาณ 318,240,000 ชิ้น โดยจะส่งออกประมาณร้อยละ 60 ไปยังญี่ปุ่นและสิงคโปร์ ส่วนลูกค้าในประเทศนั้นคือโตโยต้า
กิจการผลิต LAS (Linear Alkylbenzene Sulfonic Acid) และ Anion Surfactant ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำหรับการผลิตสารชะล้าง ผงซักฟอก ยาสระผม สบู่ ยาสีฟัน ของบริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด มูลค่าเงินลงทุน 1,800 ล้านบาท ตั้งโรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จังหวัดชลบุรี โดยจะผลิต LAS ปีละประมาณ 10,000 ตัน และผลิต Anion Surfactant ปีละประมาณ 15,000 ตัน จำหน่ายในประเทศเป็นหลัก
กิจการผลิตไฟฟ้าและน้ำเย็น ของบริษัท ผลิตไฟฟ้าและน้ำเย็น จำกัด เงินลงทุน 2,482 ล้านบาท เป็นการร่วมทุนระหว่างการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ร้อยละ 35 การไฟฟ้านครหลวง(กฟน.) ร้อยละ 30 และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ร้อยละ 35 เพื่อผลิตไฟฟ้าและน้ำเย็นให้แก่สนามบินสุวรรณภูมิ ของบริษัท ท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ (บทม.) โดยจะตั้งโรงงานที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ กำลังการผลิตไฟฟ้า 62.2 เมกะวัตต์ ส่วนน้ำเย็น 16,800 RT (6,000 ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง) โดยจะจำหน่ายไฟฟ้าในราคาต่ำกว่าราคาพื้นฐานของการไฟฟ้านครหลวง
การขยายกิจการผลิตไฟฟ้าไอน้ำและน้ำเพื่ออุตสาหกรรม ของบริษัท โกลว์ เอสพีพี จำกัด (มหาชน) เงินลงทุน 1,817 ล้านบาท ตั้งโรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง มีกำลังการผลิต 38.5 เมกะวัตต์ ไอน้ำ 70 ตัน/ชั่วโมง และน้ำเพื่ออุตสาหกรรม 80 ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง โดยจะจำหน่ายไฟฟ้าโดยตรงแก่ลูกค้าบริเวณนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดและบริเวณใกล้เคียง อาทิ ไทยโอเลฟินส์ จำกัด อินโดรามา สยามมิตซุยพีทีเอ
การขยายกิจการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำ ของบริษัท สหโคเจน (ชลบุรี) จำกัด (มหาชน) เงินลงทุน 1,242 ล้านบาท ตั้งโรงงานที่เขตอุตสาหกรรมของบริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จังหวัดชลบุรีผลิตไฟฟ้าเพื่อรองรับการขยายกิจการของผู้ประกอบการในเขตอุตสาหกรรมของบริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ประมาณ 20 ราย กำลังการผลิต 42 เมกะวัตต์ ไอน้ำ 48 ตัน/ชั่วโมง
การขยายและโยกย้ายสถานประกอบการเพื่อผลิตชิ้นส่วนระบบกับสะเทือน ของบริษัท เอ็น เอช เค สปริง (ประเทศไทย) จำกัด เงินลงทุน 1,156 ล้านบาท โดยย้ายโรงงานจากจังหวัดสมุทรปราการไปตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์ จังหวัดฉะเชิงเทรา จะผลิตแหนบปีละประมาณ 36,000 ตัน สปริงขดปีละ 3,500,000 ชิ้น เหล็กกันโคลงปีละ 1,600,000 ชิ้น และ TORSION BAR ปีละ 800,000 ชิ้น โดยจะผลิตเพื่อป้อนให้กับโครงการประกอบรถยนต์ของบริษัท โตโยต้า อีซูซุ ฮอนด้า ออโต้อัลลายแอนซ์ และจะมีการส่งออกประมาณร้อยละ 50--จบ--
-นท-