กรุงเทพฯ--6 มี.ค.--IR network
บมจ.เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ หรือ EARTH ไม่ทำให้ผิดหวัง ปี 2554 โชว์ฝีมือชั้นเซียนให้เห็นกันชัดๆ กำไรสุทธิ 395.31 ล้านบาท พุ่งกระฉูดร้อยละ 458.50 จากปีที่ผ่านมาซึ่งมีกำไรเพียง 70.78 ล้านบาท ผู้บริหารไฟแรง “ขจรพงศ์ คำดี” แจงเหตุที่มาได้ไกลขนาดนี้เพราะยอดขายเพิ่มขึ้นดันรายได้รวมแตะ 4,685 ล้านบาท และดันอัตรากำไรขั้นต้นพุ่งขึ้นถึงร้อยละ 16 ซึ่งเป็นผลจากการมีเหมืองเป็นของบริษัทเองทำให้ลูกค้ามั่นใจและสั่งซื้อถ่านหินจาก EARTH เพิ่มขึ้น พร้อมวางเป้าหมายปี 2555 ให้ผู้ถือหุ้นได้ชื่นใจด้วยการตั้งเป้าปริมาณขายถ่านหินที่ 3.2 ล้านตัน จากปีที่ผ่านมาขายไป 1.9 ล้านตัน และคาดอัตรากำไรขั้นต้นไต่ขึ้นไปถึงร้อยละ 30
นายขจรพงศ์ คำดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) (EARTH) เปิดเผยถึงผลประกอบการรอบปี 2554 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2554 ว่าเป็นอีกครั้งที่จะสร้างความประทับใจให้กับ ผู้ถือหุ้นได้อย่างมาก โดยมีกำไรสุทธิ 395.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 324.53 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น ร้อยละ 458.50 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันในปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 70.78 ล้านบาท
สาเหตุที่ทำให้ผลประกอบการของ EARTH ในรอบปี 2554 ที่ผ่านมาขยายตัวอย่างโดดเด่น เป็นเพราะมีปริมาณขายถ่านหินเพิ่มขึ้นโดยอยู่ที่ระดับ 1.95 ล้านตัน จากปี 2553 ที่มีปริมาณขายถ่านหินที่ 6.96 แสนตัน ขณะเดียวกันในส่วนของราคาขายก็เริ่มขยับขึ้นในช่วงปลายปีอีกด้วย จึงส่งผลให้รายได้รวมของ EARTH ในปีนี้ไต่ขึ้นมาแตะที่ระดับ 4,685.12 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ166.92 เมื่อเปรียบเทียบจากปี 2553 ที่มีรายได้รวม 1,755.24 ล้านบาท นอกจากนี้ในส่วนของอัตรากำไรขั้นต้นก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกันโดยค่าเฉลี่ยในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ร้อยละ 16.79 จากปีก่อนหน้าอยู่ที่ร้อยละ 14.29
เขากล่าวต่อว่า นอกเหนือจากความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างแท้จริงของคณะผู้บริหารและทีมงานของ EARTH ที่จะพัฒนาและผลักดันให้บริษัทให้เติบโตก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องทำงานอย่างหนักอย่างเต็มที่ในการขยายฐานลูกค้าและขยายตลาดใหม่ๆ เพิ่มขึ้นแล้ว การเป็นเจ้าของเหมืองเองซึ่งหมายถึงการมีแหล่งวัตถุดิบที่เป็นของบริษัทเองด้วย ทำให้ EARTH ได้รับความไว้วางใจจากคู่ค้าทำให้มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะลูกค้าในต่างประเทศที่ต้องการความมั่นใจเกี่ยวกับการส่งมอบถ่านหินให้ทันเวลาและได้มาตรฐานตามที่ต้องการ ซึ่งจะเห็นได้จากลูกค้าในประเทศจีนที่เป็นบริษัทผู้ผลิตไฟฟ้าอันดับ 1-5 ที่สั่งซื้อถ่านหินจาก EARTH ทั้งสิ้น นอกจากนั้นในปี 2556 EARTH ยังได้เซ็นสัญญาที่จะจัดส่งถ่านหินไป จำหน่ายให้กับโรงไฟฟ้าในประเทศอินเดียภายในระยะเวลา 3 ปี จำนวนรวม 8.5 ล้านตัน อีกด้วย ขณะเดียวกันราคาถ่านหินในตลาดโลก ราคาเริ่มปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปลายปี 2554 จนกระทั่งถึงปัจจุบันทรงตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 80 เหรียญต่อตัน จึงเป็นปัจจัยบวกที่ผลักดันให้ผลประกอบการของ EARTH โดดเด่นอย่างที่เห็นในวันนี้และคาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องในปี 2555 และปีต่อๆ ไปด้วย
“EARTH ยังคงเดินตาม vision ที่วางไว้นั่นคือการทำธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ ซึ่งธุรกิจจัดจำหน่ายถ่านหินเรื่องซัพพลายถือเป็นหัวใจที่สำคัญอย่างยิ่ง ขณะนี้ EARTH มีเหมือง 2 แห่งในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเหมืองที่มีดังกล่าวได้เซ็นสัญญาจำหน่ายถ่านหินให้กับโรงไฟฟ้าในประเทศจีนทั้งหมดแล้ว ดังนั้นหน้าที่ของบริษัทต่อไปจากนี้คือการหาเหมืองแห่งใหม่เพิ่มเติมโดยเร็วที่สุด เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าทั้งในและนอกประเทศ สำหรับปี 2555 บริษัทมีเป้าหมายที่จะต้องดำเนินการให้ได้คือ 1.การจำหน่ายถ่านหินให้ได้ถึง 3.2 ล้านตัน คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นร้อยละ 70 จากปริมาณการจัดจำหน่ายในปีที่ผ่านมา 2.การลดอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 2 เท่า และ 3.จะรักษาอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น หรือ ROE ให้ได้มากกว่า 20% ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เพื่อการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืนของ EARTH ในอนาคต”นายขจรพงศ์ คำดี กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ กล่าวในที่สุด