ศูนย์รับฝากฯ ตั้งเป้าลดระยะเวลาชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์เหลือ 2 วัน ภายในปี 2548

ข่าวทั่วไป Monday April 19, 2004 16:55 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--19 เม.ย.--ตลาดหลักทรัพย์ฯ
นางนงราม วงษ์วานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ศูนย์รับฝากฯ อยู่ระหว่างการเตรียมการเพื่อลดระยะเวลาการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์จากวันที่ T+3 เป็นวันที่ T+2 ภายในปี 2548
"ปัจจุบันระยะเวลาในการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ส่วนใหญ่กำหนดไว้ ณ วันที่ 3 ถัดจากวันซื้อขาย (T+3) แต่หากมีการลดระยะเวลาในการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ เป็นวันที่ 2 ถัดจากการซื้อขาย (T+2) จะเป็นการช่วยลดความเสี่ยง เพิ่มสภาพคล่อง เพิ่มประสิทธิภาพในการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ และเป็นไปตามมาตรฐานสากล
ปัจจุบัน ประเทศที่สามารถชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ได้ในวันที่ T+2 ได้แก่ เยอรมัน ฮ่องกง ไต้หวัน เกาหลี อินเดีย ตุรกี เป็นต้น ส่วน T+1 นั้น มีเพียงประเทศจีนเท่านั้น ทั้งนี้ หากพิจารณาตามแนวโน้มตลาดทุนโลกนั้น จะเห็นว่า ทางประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดานั้น ได้กำหนดเป้าหมายที่จะก้าวไปถึง T+1 ให้ได้ ภายในปี 2548
นางนงรามกล่าวว่า "สำหรับประเทศไทยนั้น เราตั้งเป้าหมายไว้ที่ T+2 ภายในปี 2548 ซึ่งศูนย์รับฝากฯ อยู่ระหว่างการประสานงานกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในระบบชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ทุกฝ่าย เพื่อรับทราบปัญหาและอุปสรรคและร่วมกันหาแนวทางแก้ไข เพื่อเตรียมความพร้อมของทุกฝ่ายอย่างเต็มที่ ก่อนที่จะเริ่มดำเนินการ"
"ในการเตรียมการเพื่อการไปสู่ T+2 ดังกล่าว จะต้องมีการลดขั้นตอนในกระบวนการซื้อขายหลักทรัพย์ นับตั้งแต่ขั้นตอนการยืนยันคำสั่งซื้อขาย การชำระค่าซื้อขายหลักทรัพย์ที่จะต้องปรับเปลี่ยนจากการใช้เช็ค ให้เป็นการหักบัญชีธนาคาร หรือ Automatic Transfer System (ATS) การสนับสนุนระบบไร้ใบหลักทรัพย์อย่างสมบูรณ์ (Scripless 100%) การพัฒนาระบบหลังการซื้อขายหลักทรัพย์ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น การพัฒนามาตรการเพื่อรองรับการซื้อขายของผู้ลงทุนต่างประเทศหากชำระราคาในวันที่ T+2 เป็นต้น" นางนงรามกล่าว
เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ฯ ได้ดำเนินการพัฒนาระบบงานบริการหลังการซื้อขายหลักทรัพย์ใหม่ตามแนวคิด Straight Through Processing (STP) ในรูปแบบระบบรวมศูนย์ ซึ่งเป็นการเชื่อมต่อทุกองค์ประกอบของงานบริการหลังการซื้อขายหลักทรัพย์ไว้ในระบบเดียว ภายใต้ระบบมาตรฐานการสื่อสารที่เป็นสากลและเทคโนโลยีระบบเปิดที่ทันสมัย (Post Trade Integration) การพัฒนาระบบดังกล่าวจะเป็นพื้นฐานที่สำคัญอย่างยิ่งที่เอื้อให้การลดระยะเวลาการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์สัมฤทธิ์ผล ช่วยลดการทำงานซ้ำซ้อน ลดความผิดพลาดในการทำงาน เพิ่มความรวดเร็วและปลอดภัย และมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ในการลดความเสี่ยงในการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ เพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการดำเนินงานของธุรกิจหลักทรัพย์โดยรวม ทั้งนี้ คาดว่าระบบใหม่จะแล้วเสร็จภายในปี 2547
นางนงราม กล่าวเพิ่มเติมว่า "ศูนย์รับฝากฯ พร้อมที่จะแก้ไขปัญหาที่พบและเตรียมการเพื่อรองรับปัญหาที่อาจเกิดขึ้น อาทิ การพัฒนาระบบเพื่อให้การยืนยันรายการซื้อขายหลักทรัพย์ระหว่างโบรกเกอร์และคัสโตเดียนสะดวกรวดเร็วขึ้นและลดภาระของผู้ที่เกี่ยวข้อง การสร้างมาตรการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพเพื่อรองรับระยะเวลาการดำเนินงานที่เปลี่ยนไป การปรับปรุงกฎระเบียบให้มีความสอดคล้อง ตลอดจนการประชาสัมพันธ์และสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในธุรกิจ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง"
สอบถามเพิ่มเติม กรุณาติดต่อที่ TSD Call Center 0 2229 2888--จบ--
-นท-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ