กรุงเทพฯ--6 มี.ค.--มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์
แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จัดตั้ง “กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์” ลงทุนใน 3 ทำเลใจกลางเมือง ประกอบด้วย กรรมสิทธิ์ (Freehold) ในโครงการเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ เซนเตอร์ พอยต์ สุขุมวิท-ทองหล่อ และโครงการอาคารพักอาศัยให้เช่า เซนเตอร์ พอยต์ เรซิเดนซ์ พร้อมพงษ์ และสิทธิการเช่า (Leasehold) โครงการบ้านพักอาศัยให้เช่า แอล แอนด์ เอช วิลล่า สาทร รวมมูลค่าโครงการ 3.3 พันล้านบาท เผยจุดเด่นอยู่ที่ศักยภาพด้านทำเลที่ตั้งซึ่งอยู่ในย่านธุรกิจ ที่สามารถรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ ด้วยอัตราการเข้าพักอาศัยเฉลี่ยทั้งปี 2554 อยู่ในระดับที่สูงต่อเนื่อง พร้อมชูจุดเด่นด้วยการรับประกันผลตอบแทนขั้นต่ำจนถึงปี 2558 โดยคาดว่าจะเสนอขายในช่วงต้นเดือนมีนาคม 2555 กำหนดจองซื้อขั้นต่ำ 1 หมื่นบาท
นายอดิศร ธนนันท์นราพูล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างการจัดตั้ง “กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์” (LHPF) เพื่อลงทุนในสินทรัพย์ 3 โครงการ ประกอบด้วย การลงทุนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ (Freehold) ในโครงการเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ เซนเตอร์ พอยต์ สุขุมวิท-ทองหล่อ และโครงการอาคารพักอาศัยให้เช่า เซนเตอร์ พอยต์ เรซิเดนซ์ พร้อมพงษ์ และลงทุนในสิทธิการเช่า (Leasehold) ในโครงการบ้านพักอาศัยให้เช่า แอล แอนด์ เอช วิลล่า สาทร รวมมูลค่าโครงการกว่า 3.3 พันล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นขอจัดตั้ง และรอการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
ทั้งนี้ โครงการทั้ง 3 แห่ง ถือเป็นโครงการที่มีศักยภาพสูง เนื่องจากอยู่ในทำเลใจกลางเมือง เดินทางสะดวก โดยมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นชาวต่างชาติ ที่เป็นลูกค้าระยะยาว โดยอัตราการเช่าพักเฉลี่ยทุกโครงการในปี 2554 อยู่ในระดับที่สูงที่ประมาณ 80-90%
“เรามั่นใจว่า ด้วยศักยภาพของทรัพย์สินที่ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LHPF) เข้าไปลงทุน กับประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการของแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ และการบริหารจัดการภายใต้แบรนด์ Centre Point ซึ่งมีประสบการณ์ในการบริหารและจัดการโครงการเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์มายาวนานเป็นเวลาเกือบ 20 ปี ทำให้สามารถมั่นใจได้ถึงผลการดำเนินงานของโครงการ” นายอดิศรกล่าว
ด้านนางจันทนา กาญจนาคม กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด กล่าวว่า กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LHPF) จะเข้าลงทุนในกรรมสิทธิ์ (Freehold) ด้วยการซื้อสินทรัพย์เพื่อเป็นเจ้าของที่ดินและอาคาร 2 โครงการในย่านสุขุมวิท คือ โครงการเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ เซนเตอร์ พอยต์ สุขุมวิท-ทองหล่อ และโครงการอาคารพักอาศัยให้เช่า เซนเตอร์ พอยต์ เรซิเดนซ์ พร้อมพงษ์ ส่วนที่เหลือจะเป็นการลงทุนในสิทธิการเช่า (Leasehold) อายุ 27 ปี (นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2555) ในโครงการบ้านพักอาศัยให้เช่า แอล แอนด์ เอช วิลล่า สาทร ทำให้กองทุนดังกล่าวมีสัดส่วนการลงทุนที่เป็น Freehold ถึง 80% และเป็นส่วน Leasehold ประมาณ 20% ทั้งนี้ กองทุนจะเข้าลงทุน โดยซื้อกรรมสิทธิ์และสิทธิการเช่าจากเจ้าของสินทรัพย์เดิม
สำหรับจุดเด่นของกองทุน อยู่ที่การกระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์ 3 โครงการคุณภาพใจกลางเมือง ในทำเลที่ได้รับความนิยมสูงสุดสำหรับการพักอาศัยในกรุงเทพฯในปัจจุบัน ส่งผลให้กองทุนมีความเสี่ยงต่ำมากในเรื่องการสร้างรายได้ นอกจากนี้ ผู้ถือหน่วยยังได้รับประโยชน์จากการที่สินทรัพย์มีโอกาสเพิ่มมูลค่าจากราคาที่ดินในอนาคต ซึ่งเป็นประโยชน์ในระยะยาว ส่วนประโยชน์ในระยะสั้น คือการรับประกันผลตอบแทนถึงสิ้นปี 2558 โดยบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) และผู้ร่วมทุน ซึ่งสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ในหนังสือชี้ชวน
นายสุภัค ศิวะรักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ซีไอเอ็มบีไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้สนับสนุนการขายหน่วยลงทุนหลักสำหรับกองทุน กล่าวว่า กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นทางเลือกในการลงทุนที่น่าสนใจ สำหรับภาวะอัตราดอกเบี้ยซึ่งเป็นช่วงขาลงในปัจจุบัน โดยความน่าสนใจของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LHPF) อยู่ที่ประสบการณ์ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของกลุ่มแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ และ ความสามารถในการบริหารโครงการของกลุ่มเซนเตอร์ พอยต์ และด้วยลักษณะของกระแสเงินสดจากผู้เช่าค่อนข้างแน่นอน ทำให้กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์มีผลตอบแทนที่ค่อนข้างแน่นอน นอกจากนี้ การลงทุนแบบ Freehold ยังให้โอกาสในการได้รับผลตอบแทนเพิ่มจากมูลค่าที่เพิ่มขึ้นของทรัพย์สิน ในขณะที่โอกาสลดลงของมูลค่าทรัพย์สินมีค่อนข้างจำกัด รวมถึงการมีรายได้ที่เติบโตตามอัตราเงินเฟ้อ ทำให้การลงทุนมีส่วนป้องกันความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อได้ด้วย และมีอัตราผลตอบแทนสูงกว่าเมื่อเทียบกับการลงทุนในตราสารหนี้และกองทุนรวมตลาดเงิน (Money Market Fund)
ขณะที่นายสิทธิไชย มหาคุณ หัวหน้าหัวหน้าสายงานวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและแกนนำการจัดจำหน่ายกองทุน กล่าวว่า หลังจากการนำเสนอข้อมูลของกองทุนให้กับนักลงทุนสถาบันและรายย่อย ปรากฏว่าได้รับความสนใจอย่างมาก เนื่องจากนักลงทุนเชื่อมั่นในการบริหารจัดการโครงการของแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ การรับประกันอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำของกองทุน รวมถึงจุดเด่นของโครงการในด้านของทำเลที่ตั้ง และศักยภาพ ตลอดจนโอกาสในการเติบโตของโครงการ ทำให้เชื่อว่ากองทุนจะได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากนักลงทุนทั่วไป โดย กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LHPF) คาดว่าจะเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ได้ในช่วงต้นเดือนมีนาคมนี้ ภายหลังจากได้รับการอนุมัติจากสำนักงานก.ล.ต. กำหนดจองซื้อขั้นต่ำ 10,000 บาท ซึ่งผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและจองซื้อ ได้ที่ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ทุกสาขา