กรุงเทพฯ--6 มี.ค.--PR STORY
ภาษาอังกฤษความสำคัญอันดับต้นๆ ของเด็กไทยที่ทุกฝ่ายกำลังช่วยกันผลักดัน ให้เด็กสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ โดยเฉพาะในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า จะเข้าสู่ยุคประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ทำให้หลายฝ่ายต่างกังวลว่า การสื่อสารภาษาอังกฤษของเด็กไทยจะด้อยกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ที่สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี ณ ปัจจุบัน โครงการหนึ่งของกระทรวงศึกษาธิการ ที่ชื่อ “พ.ศ. 2555 ปีแห่งการพูดภาษาอังกฤษ (English Speaking Year 2012)” ซึ่งสนับสนุนให้ทุกโรงเรียนพูดภาษาอังกฤษทุกวันจันทร์ เพื่อหวังให้เป็นช่องทางหนึ่งในการพัฒนาภาษาอังกฤษให้กับเด็กไทย
ด้อยเหตุนี้ งาน Open House ของโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยรังสิต จึงจัดขึ้นเพื่อแนะนำหลักสูตรการเรียนการสอนของโรงเรียน โดยเด็กนักเรียนทุกคนได้รับการสนับสนุนให้สามารถฟัง พูด อ่าน เขียนภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว และนอกจากภาษาอังกฤษแล้ว โรงเรียนแห่งนี้ยังส่งเสริมให้เด็กเรียนภาษาที่สาม ได้แก่ ภาษาจีนเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ดร.อภิรมณ อุไรรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้จัดการโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิยาลัยรังสิต เล่าให้ฟังว่า การสอนภาษานั้น จะต้องสอนให้เกิดความเป็นธรรมชาติ เพราะฉะนั้นการเรียนรู้แบบหลักสูตรสองภาษา จึงเป็นคำตอบสำหรับเด็กไทย โดยจัดการสอนสองภาษาในทุกรายวิชา เช่น วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ สังคมศาสตร์ ให้เป็นภาษาอังกฤษ เพื่อให้เด็กซึมซับทั้งสองภาษาไปพร้อมกัน แต่จะไม่ลดความสำคัญของภาษาไทยลง ซึ่งจากประสบการณ์การสอนของโรงเรียน พบว่านักเรียนควรได้รับการพัฒนาศักยภาพ เพื่อการเรียนรู้และการใช้ภาษาที่สองหรือภาษาที่สาม ตั้งแต่วัยก่อนเข้าเรียน ในช่วงสองถึงสามปีแรกซึ่งสิ่งนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับเด็กในการเรียนและการใช้ภาษาให้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ผู้ปกครองที่จะให้เด็กเข้าเรียนในหลักสูตรสองภาษานั้น อยากให้เข้าใจว่าในช่วงระยะเวลา 5 ปีแรกของการเรียนรู้ จะต้องใช้ความอดทนทั้งครูผู้สอน ผู้บริหารโรงเรียนและผู้ปกครอง เพื่อให้โอกาสผู้เรียนได้ฝึกฝนการใช้ภาษาในบริบทที่ถูกต้องเหมาะสมและเพียงพอในชั้นเรียน ซึ่งผู้ปกครองไม่ควรวิตกกังวลมากเกินไป หากระหว่างที่ผ่านขั้นตอนการเรียนรู้โดยธรรมชาติแล้ว อาจทำให้พัฒนาการทางวิชาการของเด็กช้าลงในช่วง 2-3 ปีแรก หลังจากนั้นเด็กจะสามารถใช้ภาษาได้คล่องแคล่ว ผลสัมฤทธิ์ทางวิชาการและการเรียนรู้ด้วยตนเองจะพัฒนาอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ทางโรงเรียนยังได้ให้ความสำคัญกับภาษาที่สามอีกด้วย โดยมีการจัดให้มีการเรียนการสอนภาษาจีนเพิ่มขึ้นอีก 1 คาบเรียน/สัปดาห์ในระดับชั้นอนุบาล และ 2 คาบเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษา เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้ไปพร้อมกันกับภาษาที่หนึ่ง และ ภาษาที่สองนั่นเอง
มาฟังความคิดเห็นของนักเรียนที่เรียนอยู่ที่นี่ น.ส.ณฎา ผลิตาวงศ์ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ห้อง A เล่าให้ฟังว่า ตนเคยเรียนโรงเรียนนานาชาติมาก่อน ทำให้ทักษะภาษาอังกฤษดี ในตรงกันข้ามกับภาษาไทยที่แย่มาก วันหนึ่งจึงคิดได้ว่า เราเป็นคนไทย ควรใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง จึงย้ายมาเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ เพราะมีหลักสูตรสองภาษา ซึ่งตรงตามความต้องการของตน คือ ทักษะต่างๆ ของภาษาไทยดีขึ้นเป็นอย่างมาก และภาษาอังกฤษของตนก็ไม่ได้ด้อยลงเช่นกัน การที่เด็กไทยพูดภาษาอังกฤษได้ไม่ดี เป็นเพราะเราใช้วิธีการอ่านและท่องจำเท่านั้น แต่ไม่ได้ใช้ทักษะทางด้านการพูดเท่าที่ควร บางคนจบปริญญาตรีสามารถแปลภาษาอังกฤษหนังสือได้เป็นเล่มๆ แต่ไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้เลย เนื่องจากเขาไม่มีความกล้าและขาดคนคุยด้วย ทั้งนี้ตนอยากให้เด็กไทยทุกคนหันมาให้ความสำคัญกับการเรียนภาษาที่สอง หรือภาษาที่สามเพิ่มขึ้น เพราะภาษาจะเข้ามามีบทบาทสำคัญกับการทำงานของเราในอนาคตอย่างแน่นอน
ด้าน นางกฤตภรณ์ ภรรทรัพย์วัฒนะ คุณย่าของด.ช.ภัทรพงศ์ รัตติดิลกพัฒน์ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ห้อง B เล่าให้ฟังว่า ครอบครัวของตนอาศัยอยู่ในต่างประเทศมาโดยตลอด ซึ่งขณะนี้คุณพ่อของหลานที่มีโอกาสได้มาทำงานที่ประเทศไทย มีแนวความคิดว่า เราเป็นคนไทยควรฟัง พูด อ่าน เขียนภาษาไทยได้ เพราะตัวคุณพ่อของหลานที่ไปเติบโตในต่างประเทศมีทักษะทางด้านการอ่านและการเขียนภาษาไทยไม่ดีเท่าที่ควร จึงให้หลานกลับมาเรียนในเมืองไทย และตนคิดว่า หลักสูตรสองภาษาเป็นหลักสูตรที่ดีในการเรียนและพัฒนาภาษาไทยและภาษาอังกฤษไปพร้อมๆ กัน หากหลานกลับไปอยู่ต่างประเทศก็หวังให้หลานได้ภาษา ขนบธรรมเนียม และวัฒนธรรมไทยติดตัวกลับไป ทั้งนี้ นโยบายทางด้านศึกษาที่ให้ความสำคัญกับภาษาอังกฤษเพิ่มขึ้น ถือเป็นเรื่องที่ดีมาก ภาษาอังกฤษเป็นภาษาสากล เด็กควรจะได้เริ่มเรียนตั้งแต่เยาว์วัย เพราะสมองสามารถจดจำเรื่องราวต่างๆ ได้เป็นอย่างดี