กรุงเทพฯ--22 เม.ย.--กทม.
ในโอกาสที่เมื่อวานนี้ (21 เม.ย.47) ตรงกับวันที่มีพระราชพิธียกเสาหลักเมือง เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเสด็จขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติ โดยสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ขึ้นเป็นราชธานี เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2325 พระราชทานนามว่า“กรุงเทพมหานคร บวรรัตนโกสินทร์มหินทรายุธยา มหาดิลกภพ นพรัตนราชธานีบุรีรมย์ อุดมราชนิเวศนมหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิต สักกทัติยวิษณุกรรมประสิทธิ์” อันเป็นการเริ่มต้นรัชสมัยกรุงรัตนโกสินทร์มาแต่ครั้งนั้น มาถึงวันนี้เป็นเวลา 222 ปี นายสมัคร สุนทรเวช ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นำคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของกรุงเทพมหานคร ประกอบพิธีสะเดาะเคราะห์ดวงเมือง ณ ศาลหลักเมือง เวลา 15.00 น. โดยมีการประกอบพิธีพราหมณ์ และนิมนต์พระสงฆ์เจริญ พระพุทธมนต์สะเดาะเคราะห์ดวงเมือง เพื่อความเป็นสิริมงคลของบ้านเมือง และเป็นหลักชัยให้ประชาชนชาวไทยอยู่รวมกันด้วยความร่มเย็นเป็นสุขไปชั่วกาลนาน
ทั้งนี้ประเทศไทยได้มีการสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ครั้งแรกเมื่อครบกำเนิดกรุงรัตนโกสินทร์ 100 ปี ในปี 2425 ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จากนั้นสมโภชพระนครครบ 150 ปี ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พ.ศ.2475 ต่อมาในปี 2525 ได้มีการสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี ซึ่งในครั้งนั้นมีพระราชพิธีบวงสรวงเมือง โดยพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเป็นประธานในพระราชพิธี ณ ศาลหลักเมือง ในวันที่ 21 เมษายน 2525 มาถึงปี 2545 ครบรอบ 220 ปีของการก่อตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ นายสมัคร สุนทรเวช ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ดำริให้ปี 2545 เป็นปีแห่งการ “ฉลองราชธานี 220 ปี กรุงรัตนโกสินทร์ โดยมีการรื้อฟื้นพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ “นครฐานสมโภช” ซึ่งเป็นพิธีที่เคยประกอบ เมื่อครั้งลงเสาหลักเมืองครั้งแรก เพื่อความเจริญมั่นคงสถาพรของบ้านเมือง และความเป็นสิริมงคลต่อพระมหากษัตริย์ พระราชินี พระบรมวงศานุวงศ์ และอาณาประชาราษฎร์ พร้อมทั้งนำน้ำมนต์ที่ผ่านพิธีศักดิ์สิทธิ์ เรียกว่า “น้ำมนต์นครฐานสูตร ๒๒๐ ปี กรุงรัตนโกสินทร์” แจกจ่ายให้แก่ประชาชนเพื่อเป็นสิริมงคลกว่า 1.3 ล้านหลอด
จนกระทั่งมาถึง พ.ศ.2547 กรุงเทพมหานครได้จัดงานยิ่งใหญ่ “ฉลองราชธานี 222 ปี กรุงรัตนโกสินทร์” ซึ่งในการเฉลิมฉลองครั้งนี้เป็นการแสดงความงดงามของกรุงรัตนโกสินทร์ที่มีมาตั้งแต่ต้นยุคสมัยมาจนถึงปัจจุบันในรูปแบบที่เรียกได้ว่า Unseen in Bangkok อย่างแท้จริง ตลอดทั้ง 8 วัน ตั้งแต่วันที่ 6-13 เมษายน 2547 ทั่วบริเวณเกาะรัตนโกสินทร์ ตั้งแต่บริเวณ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) และพื้นที่โดยรอบถูกเนรมิตให้เป็นเมืองแห่งศิลปวัฒนธรรม โดยได้มีการรวบรวมและจำลองขนบธรรมเนียม ประเพณี ศิลปวัฒนธรรม นาฏกรรม วรรณศิลป์ และวิถีไทยแบบดั้งเดิมซึ่งหาดูไม่ได้จากที่ใดในโลก มาสาธิตและแสดงไว้ในพื้นที่ที่มีร่องรอยของประวัติศาสตร์ให้อนุชนคนรุ่นหลังได้ศึกษาและภาคภูมิใจในความเป็นชาติร่วมกัน--จบ--
-นห-