แกรนด์ ยูนิตี้ วางแผนปี 47 พัฒนาโครงการมูลค่ารวม 3 พันล้าน ส่ง 2 โครงการเด่นย่านสุขุมวิทเข้าตลาดอสังหาฯ ในไตรมาส 2

ข่าวทั่วไป Thursday April 22, 2004 14:49 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--22 เม.ย.--แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์
แกรนด์ ยูนิตี้ วางแผนปี 47 พัฒนาโครงการมูลค่ารวม 3 พันล้าน ส่ง 2 โครงการเด่นย่านสุขุมวิทเข้าตลาดอสังหาฯ ในไตรมาส 2 และเตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์กันยายนนี้
แกรนด์ ยูนิตี้ สานต่อนโยบายฟื้นฟูโครงการสร้างค้างและพัฒนาโครงการใหม่ เจาะตลาดระดับกลางถึงบน วางแผนปี 2547 พัฒนาอาคารชุดพักอาศัยต่อเนื่อง 3-4 โครงการ คาดกวาดยอดขาย 3 พันล้าน ล่าสุดจับ 2 โครงการเด่นย่านทองหล่อและอโศกมาพัฒนาใหม่ ภายใต้ชื่อ แกรนด์ เฮอริเทจ ทองหล่อ และแกรนด์ พาร์ควิว อโศก ประเดิมพรีเซลแกรนด์ เฮอริเทจ ทองหล่อ 23 เมษายนนี้ นอกจากนี้ ยังเตรียมนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายในเดือนกันยายน 2547
นายทศพร ศักดิ์สงวนมนูญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด เปิดเผยว่า จากความสำเร็จของบริษัทในการเข้าฟื้นฟูและพัฒนาโครงการลุมพินี เพลส วอเตอร์คลิฟ อาคารสร้างค้างจากวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 รวมถึงการพัฒนาโครงการใหม่ ลุมพินี ทาวน์โฮม รัชดา-พระราม 3 และลุมพินี สวีท รัชดา-พระราม 3 ระหว่างปี 2545-2546 รวม 3 โครงการ มูลค่ารวม 1,985 ล้านบาท จนเสร็จสมบูรณ์ในปัจจุบันนั้น ในปี 2547 บริษัทยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการสร้างค้าง รวมถึงการพัฒนาที่อยู่อาศัยใจกลางเมืองที่มีศักยภาพ โดดเด่นด้านทำเล ราคา และการ ออกแบบ โดยบริษัทมีแผนที่จะพัฒนาโครงการอาคารชุดพักอาศัยอย่างต่อเนื่อง 3-4 โครงการ มูลค่ารวม 3 พันล้านบาท ซึ่งในไตรมาส 2 ของปี 2547 จะเป็นการนำอาคารสร้างค้างในเขตศูนย์กลางธุรกิจที่สำคัญของสุขุมวิท ได้แก่ ทองหล่อและอโศก รวม 2 อาคาร มาพัฒนาใหม่ภายใต้ชื่อ "แกรนด์ เฮอริเทจ ทองหล่อ" และ "แกรนด์ พาร์ควิว อโศก" รวมมูลค่าโครงการ 2,250 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีแผนงานสำคัญในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายในเดือนกันยายน 2547 เพื่อระดมทุนมาใช้ในการพัฒนาโครงการต่างๆ ของบริษัท
"การร่วมทุนพัฒนาโครงการของกลุ่มพันธมิตรทั้ง 3 บริษัท อันได้แก่ บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท เยาววงศ์ จำกัด ในนามของบริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด เกิดจากความเห็นที่สอดคล้องกันในการนำอาคารสร้างค้างในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจมาพัฒนาต่อให้เสร็จสมบูรณ์ เพื่อช่วยบรรเทาปัญหา NPL และ NPA ในระบบสถาบันการเงิน อีกทั้งยังเป็นการสร้างงาน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของ ภาครัฐอีกด้วย" กรรมการผู้จัดการกล่าวเพิ่มเติม
"แกรนด์ เฮอริเทจ ทองหล่อ" ตั้งอยู่บนที่ดิน 1 ไร่ ในซอยสุขุมวิท 49 (ซอยกลาง) หรือซอยทองหล่อ 13 โดยบริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด จะพัฒนาเป็นอาคารชุดพักอาศัยสูง 8 ชั้นพร้อมชั้นใต้ดิน 1 ชั้น มูลค่า โครงการ 350 ล้านบาท ประกอบด้วยห้องชุดจำนวนทั้งสิ้น 71 ยูนิต ซึ่งบริษัทกำหนดเปิดพรีเซลในวันที่ 23 เมษายนนี้ ส่วนโครงการ "แกรนด์ พาร์ควิว อโศก" เดิมชื่อ อาคาร เจบี เพลส เริ่มก่อสร้างเมื่อปี 2538 และชะลอการก่อสร้างในปี 2541 สภาพการก่อสร้างโดยรวมแล้วเสร็จ 75% บริษัทมีแผนที่จะพัฒนาเป็นอาคารชุดพักอาศัยและพื้นที่ค้าปลีกสูง 34 ชั้น พร้อมชั้นใต้ดิน 2 ชั้น 1 อาคาร มูลค่าโครงการรวม 1,900 ล้านบาท มีจำนวนห้องชุดขนาดตั้งแต่ 32-130 ตาราง-เมตร รวม 400 ยูนิต และกำหนดเปิดขายในเดือนพฤษภาคมนี้ ซึ่งทั้งสองโครงการต่างก็มีความโดดเด่นด้านทำเลที่ตั้งในเขตศูนย์กลางธุรกิจที่สำคัญ รวมถึงรูปลักษณ์ภายนอกและการออกแบบภายในที่เน้นประโยชน์ใช้สอยสูงสุด พรั่งพร้อมด้วยสันทนาการที่ครบครัน ซึ่งสามารถรองรับความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายระดับกลางบนที่มีกำลังซื้อห้องชุดในราคา 2-3 ล้านบาทใจกลางย่านสุขุมวิทได้
นอกจากนั้น กรรมการผู้จัดการยังได้ชี้แจงถึงผลประกอบการในปี 2546 ว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยตลอดปีมีรายได้จากการขายคิดเป็น 1,220.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 209.37 จากงวดเดียวกันของปี 2545 ที่มีรายได้จากการขาย 394.42 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีผลกำไรสุทธิเท่ากับ 87.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1,473.15 เทียบกับปีก่อนหน้าที่มีผลกำไรอยู่ที่ 5.55 ล้านบาท และมีกำไรสะสมเท่ากับ 92.21 ล้านบาท ตลอดปี 2545-2546 บริษัทได้พัฒนาโครงการจำนวนทั้งสิ้น 3 โครงการ มูลค่ารวม 1,985 ล้านบาท ซึ่งล้วนประสบความสำเร็จและสามารถรับรู้รายได้ภายในระยะเวลาอันสั้น ได้แก่ 1) ลุมพินี เพลส วอเตอร์คลิฟ มูลค่าโครงการ 1,450 ล้านบาท ซึ่งรับรู้รายได้ทั้งจำนวนแล้ว 2) ลุมพินี ทาวน์โฮม รัชดา-พระราม 3 มูลค่าโครงการ 280 ล้านบาท ซึ่งทยอยรับรู้รายได้ในปี 2546 จำนวน 164.6 ล้านบาท และจะรับรู้รายได้ส่วนที่เหลือทั้งหมดในปี 2547 3) ลุมพินี สวีท รัชดา-พระราม 3 มูลค่าโครงการ 255 ล้านบาท ซึ่งในปี 2547 จะสามารถรับรู้รายได้ทั้งหมด
นอกจากแผนการพัฒนาโครงการต่างๆ มูลค่ารวม 3 พันล้านบาทแล้ว บริษัทยังมีแผนที่จะสร้างแบรนด์หรือตราสินค้าของบริษัท โดยมีตำแหน่งผลิตภัณฑ์ (Product Positioning) อยู่ที่กลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงบน รวมถึงการเพิ่มทุนจดทะเบียนให้บริษัทมีโครงสร้างทางการเงินที่เหมาะสมกับการขยายธุรกิจของบริษัทต่อไปในอนาคต และที่สำคัญคือการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในเดือนกันยายน 2547 "ทั้งนี้ นโยบายการดำเนินงานของบริษัทในปี 2547 นั้น มีทิศทางที่ชัดเจนคือ 1) มีความก้าวหน้าและเติบโตอย่างมั่นคงยั่งยืน โดยมีรายได้ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องไม่ต่ำกว่าปีละ 1,500 ล้านบาท รวมถึงมีสภาพคล่องทางการเงิน D/E Ratio ไม่เกิน 1:1 และให้ผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นไม่ต่ำกว่าร้อยละ 25 2) มุ่งเน้นการพัฒนาโครงการที่สร้างค้างอยู่ รวมถึงการพัฒนาที่อยู่อาศัยใจกลางเมือง ที่มีความโดดเด่นทั้งในเรื่องของทำเลที่ตั้ง การออกแบบที่คำนึงถึงประโยชน์ ใช้สอย การก่อสร้างที่มีคุณภาพ ภายใต้ราคาที่สมเหตุสมผล รวมถึงการให้ความสำคัญกับการบริการทั้งก่อนและหลังการขาย โครงการมีความน่าเชื่อถือ และมีตราสินค้าเป็นที่ยอมรับ 3) มุ่งพัฒนาขีดความสามารถองค์กรให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญ และ 4) มีบรรษัทภิบาล มีความรับผิดชอบต่อผู้ถือหุ้น ลูกค้า และสังคม โดยรวม" กรรมการผู้จัดการกล่าวสรุปในตอนท้าย
ฝ่ายประชาสัมพันธ์
โทร. 02-285-5011-6 ต่อ 125--จบ--
-นท-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ