Sean Penn (ฌอน เพนน์) ขอพลิกบทบาทครั้งสำคัญใน This Must Be The Place

ข่าวบันเทิง Tuesday March 13, 2012 11:43 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--13 มี.ค.--เอ็ม พิคเจอร์ส Sean Penn (ฌอน เพนน์) ขอพลิกบทบาทครั้งสำคัญใน This Must Be The Placeในบทร็อคสตาร์ผู้ตกอับกับภารกิจติสแตก’ สุดขั้วเอ็ม พิคเจอร์ส ท้าให้คุณต้องลอง! และจงอย่าปฏิเสธถ้าคุณจะตกหลุมรักหนังเรื่องนี้ เอ็ม พิคเจอร์ส ชวนชมภาพยนตร์คอมเมดี้-ดราม่าสุดฮาพิลึกโลก “This Must Be The Place” (ดีส มัส บี เดอะ เพลส) หรือที่มีชื่อภาษาไทยว่า “คนเซอร์หลุดโลก” ชมการพลิกบทบาทครั้งสำคัญของนัก แสดงฝีมือเก๋า Sean Penn (ฌอน เพนน์) ในบท Cheyenne (เชเยนน์) อดีตร็อคสตาร์ ผู้ ตกอับกับภารกิจการติสแตกสุดขั้ว พร้อมด้วยเหล่านักแสดงชื่อดังอีกคับคั่ง อาทิ Frances McDormand (ฟรานซิส แม็คดอร์มานด์) , Judd Hirsch (จั๊ด เฮิร์สช์) , Eve Hewson (อีฟ ฮิวสัน) , Kerry Condon (เคอร์รี คอนดอน) ฯลฯ จากผลงานการกำกับของ Paolo Sorrentino (เปาโล ซอร์เรนติโน่) โดยนักแสดงสุดยอดฝีมือเก๋าอย่าง Sean Penn (ฌอน เพนน์) ผู้โด่งดังจากภาพยนตร์เรื่อง I am Sam (ไอ แอม แซม) และ Mystic River (มิสติก ริเวอร์) ได้บอกเล่าถึงคาแรกเตอร์ Cheyenne (เชเยนน์) ร็อคสตาร์ผู้ตกอับที่ได้แสดงในครั้งนี้ให้ฟังว่า… “…ผมสนุกกับบทที่ได้มารับแสดงในเรื่องนี้มาก เพราะบทของ Cheyenne (เชเยนน์) เขาเป็นร็อคสตาร์ผู้ตกอับ ขี้เกียจสันหลังยาว และเขาเบื่อหน่ายกับชีวิตที่แสนวุ่นวาย เลยเลือกที่จะเก็บเนื้อเก็บตัวอยู่แต่ในโลกของตัวเอง แล้วจู่ๆ ชีวิตก็ต้องพลิกผันทำให้ เขาต้องมาสานต่อภารกิจลับของพ่อบังเกิดเกล้าคือการตามล่าหาอาชญากรนาซี ผู้อยู่เบื้องหลังการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้วของบทภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งผมรู้สึกท้าทายและอยากจะสานต่อการแสดงให้ออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด ซึ่งภายใต้ภารกิจนี้ยังมีปมความขัดแย้งในความสัมพันธ์ของตัวละครระหว่าง Cheyenne (เชเยนน์) และพ่อของเขาแอบซ่อนอยู่ด้วย ทันทีที่ Paolo Sorrentino (เปาโล ซอร์เรนติโน่) ส่งบทมาให้ดู ผมจึงไม่ลังเลเลยที่จะตอบรับเล่นบทนี้ เพราะผมชอบหนังเรื่องนี้จริงๆ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมรู้สึกหนักใจและกังวลคือฉากที่ผมต้องเต้น(หัวเราะ) ที่ว่าจะต้องเต้นยังไงให้เหมือนกับศิลปิน จะทำยังไงให้อินฯ นั่นคือการบ้านที่ผมต้องเตรียมตัวสำหรับหนังเรื่องนี้ อีกอย่างหนึ่งที่ผมชื่นชอบคือคาแรกเตอร์ของ Cheyenne (เชเยนน์) ที่ถึงแม้ว่าเขาจะมีอายุ 50 ปี แต่ยังดูเป็นหนุ่มวัยรุ่น และต้องเมคอัพหน้า ทาลิปสติก แต่งตัวแบบ “กอธิค” ผมว่ามันดูหลุดโลกที่สุดเท่าที่ผมเคยทำมา แต่คุณเชื่อไหมว่า หลังจากที่แต่งชุดและเมคอัพเสร็จแล้ว มันทำให้ผมรู้สึกฮึกเหิมผมกลาย Cheyenne (เชเยนน์) ไปแล้วจริงๆ อาจเป็นเพราะโชคชะตามักเล่นตลกกับ Cheyenne (เชเยนน์) อยู่บ่อยครั้ง ทำให้ชีวิตของเขาต้องไปเจอกับเรื่องราวตลกร้ายที่เกิดขึ้นตลอดการเดินทาง และหัวใจของภาพยนตร์เรื่องนี้อีกสิ่งหนึ่งคือ เพลงประกอบภาพยนตร์ที่มีชื่อว่า This Must Be The Place ของ David Byrne (เดวิด ไบรน์) ที่แต่งขึ้นให้กับวง Talking Heads ถูกนำมาตั้งเป็นชื่อภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย มันเป็นเพลงรักที่ตรงไปตรงมา David (เดวิด) สื่อสารความรู้สึกออกมาในเพลงนี้ได้อย่างน่าประทับใจ ผมชื่อว่าคนดูจะหลงรักหนังเรื่องนี้และเพลงนี้เหมือนผมแน่ๆ มาช่วยกันลุ้นว่า สุดท้ายแล้ว Cheyenne (เชเยนน์) จะทำภารกิจสำเร็จหรือไม่ และเรื่องราวของเขาและพ่อบังเกิดเกล้าจะจบลงแบบใด ลองติดตามกันดูผมเล่นเองผมรักรู้สึกหลงรักตัวละครตัวนี้เลย…” This Must Be The Place (ดีส มัส บี เดอะ เพลส) หรือที่มีชื่อภาษาไทยว่า “คนเซอร์หลุดโลก” ภาพยนตร์ที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการล้างแค้นในโศกนาฏกรรมของชาวยิว ที่อยู่ๆ ร็อคสตาร์ผู้ตกอับอย่าง Cheyenne (เชเยนน์) ที่ต้องจับพลัดจับผลูเข้ามาสานต่อภารกิจสุดติสแตกแทนพ่อบังเกิดเกล้าของเขา ชมการพลิกบทบาทครั้งสำคัญของ Sean Penn (ฌอน เพนน์) ที่คุณไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ร่วมด้วยนักแสดงมากฝีมือ อาทิ Frances McDormand ( ฟรานซิส แม็คดอร์มานด์) , Judd Hirsch (จั๊ด เฮิร์สช์) , Eve Hewson (อีฟ ฮิวสัน) , Kerry Condon (เคอร์รี คอนดอน) ฯลฯ จากผลงานการกำกับของ Paolo Sorrentino (เปาโล ซอร์เรนติโน่) เอ็ม พิคเจอร์ส ชวนคนหนังร่วมลุ้นไปกับภาพกิจติสสุดโต่ง 15 มีนาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์เครือเอเพ็กซ์

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ