กรุงเทพฯ--13 มี.ค.--มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์
SGP-สยามแก๊สฯ เผยปัจจัยนหนุนธุรกิจโต 30% สู่เป้ารายได้ 50,000 ล้านบาทปีนี้ มั่นใจบริหารจัดการคลังแก๊สแอลพีจี 300,000 ตัน ในประเทศจีนให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้ ขณะที่ราคาแอลจีพีในตลาดโลกและในประเทศที่สูงขึ้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้แก๊สแอลพีจี เตรียมขยายปั๊มแก๊สอีก 10 แห่ง บวกกับการเติบโตควบคู่ไปกับห้างสรรพสินค้าและห้างค้าปลีกขนาดใหญ่
นายศุภชัย วีรบวรพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP เปิดเผยว่า จากการประเมินทิศทางธุรกิจของบริษัทฯ ในปีนี้ มีความเป็นไปได้อย่างมาก ที่รายได้ของบริษัทฯ และบริษัทย่อยในปี 2555 นี้ จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 50,000 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 30% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่มีรายได้ประมาณ 38,594 ล้านบาท โดยปัจจัยสนับสนุนหลักๆ จะมาจากธุรกิจที่ได้ลงทุนไว้ในประเทศจีนสามารถสร้างรายได้เต็มปีในปีนี้
สำหรับบริษัทย่อยในจีน ประกอบด้วยบริษัทไซโน สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (SINO Siam Gas and Petrochemical Co., Ltd. หรือ SINO SIAM) ที่เมืองจูไห่ และบริษัทสยาม โอเชี่ยน แก๊ส แอนด์ เอนเนอยี่ จำกัด (Siam Ocean Gas and Energy Limited หรือ SOGEL) ที่เมืองซัวเถา ซึ่งมีคลัง (ถ้ำ) ที่สามารถเก็บแก๊สแอลพีจี รวมกันได้ถึง 300,000 ตัน ถือว่าใหญ่ที่สุดในประเทศจีนและในเอเชียตะวันออก ทำให้บริษัทฯ มีความยืดหยุ่นสูงในการบริหารจัดการคลังแก๊สแอลพีจีให้สอดคล้องกับการขึ้นลงของราคาในตลาดโลก และความต้องการของลูกค้า
“ถึงแม้ราคาแอลพีจีในตลาดโลกจะยังคงผันผวนอยู่บ้าง แต่คาดว่าราคาโดยเฉลี่ยในปีนี้จะสูงกว่าระดับ 900 เหรียญดอลล่าร์สหรัฐต่อตัน เทียบกับปีที่ผ่านมาที่มีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 800 กว่าเหรียญดอลล่าร์สหรัฐต่อตัน ซึ่งจะส่งผลให้กำไรจากการจำหน่ายแก๊สในต่างประเทศมีทิศทางที่ดีขึ้นด้วย โดยคาดว่าในปีนี้สัดส่วนรายได้จากตลาดต่างประเทศจะเพิ่มเป็น 60% จากปีที่ผ่านมาที่มีสัดส่วนประมาณ 43%” นายศุภชัย กล่าว
กรรมการผู้จัดการ SGP กล่าวด้วยว่า แนวโน้มความต้องการของตลาดแก๊สแอลพีจีในประเทศปีนี้นั้น คาดว่าจะมีความต้องการเพิ่มสูงขึ้น 9-10% แม้ว่าภาครัฐจะมีนโยบายทยอยปรับราคาแอลพีจีภายในประเทศเพิ่มขึ้น เพื่อสะท้อนราคาในตลาดโลก โดยที่ผ่านมาภาครัฐได้ประกาศปรับราคาแอลพีจีในภาคอุตสาหกรรมและภาคขนส่งไปแล้ว แต่ปริมาณการใช้งานกลับพบว่า ยังมีอัตราความต้องการเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากต้นทุนพลังงานของแอลพีจียังถือเป็นพลังงานที่มีต้นทุนที่เหมาะสมเมื่อเทียบกับพลังงานชนิดอื่นๆ
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนขยายสถานีให้บริการแก๊สแอลพีจีในปีนี้เพิ่มขึ้นอีก 10 สาขา โดยใช้เงินลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท รองรับความต้องการใช้แก๊สแอลพีจีในภาคขนส่งที่มีความต้องการใช้มากขึ้น หลังจากแนวโน้มของราคาน้ำมันในตลาดโลกมีสัญญาณการปรับตัวที่สูงขึ้น โดยคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีสถานบริการก๊าซแอลพีจีของบริษัทฯ รวมทั้งสิ้นกว่า 40 แห่ง
ส่วนแนวคิดปรับราคาแอลพีจีภาคครัวเรือนของกระทรวงพลังงาน เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อปริมาณความต้องการใช้แอลพีจีในภาคครัวเรือน ซึ่งมีสัดส่วนปริมาณการใช้คิดเป็น 60% ของตลาดแอลพีจีโดยรวม นอกจากนี้ กลุ่มร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าและห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ ก็มีความต้องการใช้แก๊สแอลพีจีสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายสาขาห้างสรรพสินค้าและห้างค้าปลีกขนาดใหญ่เพิ่มขึ้น ประกอบกับพฤติกรรมของผู้บริโภคคนไทยที่นิยมรับประทานอาหารนอกบ้านมากขึ้น