กรุงเทพฯ--14 มี.ค.--4D Communications
- ดันยอดขายคอนโดทำเลหลักและรองพุ่งทุกพื้นที่ ส่งผลอสังหาฯเมืองท่องเที่ยวคึกคักรับไตรมาสแรก -
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จับตากระแสการเติบโตของอสังหาฯ ในเมืองท่องเที่ยวหลักที่มียอดขายพุ่งสูงขึ้น ล่าสุดส่งทีมวิจัยลงสำรวจตลาดแบบเจาะลึก พบ “คนแห่ซื้อบ้านพักตากอากาศ” เป็นบ้านสำรอง เพื่อท่องเที่ยวและใช้เป็นบ้านหลังที่ 2 หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน หัวหิน-ชะอำ-พัทยา- เขาใหญ่ ครองทำเลยอดนิยม เชื่อปี 55 อสังหาฯ ทำเลรองมาแรงเหตุกำลังซื้อมีสูง “เน้นอยู่ ไม่เน้นลงทุน” ในขณะที่อสังหาฯ กลุ่มไฮเอนด์ยังฮอตไม่เลิก หลังอุปสงค์เพิ่มในขณะที่อุปทานคุณภาพมีน้อยลง
นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพ เพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในส่วนกำลังซื้ออสังหาริมทรัพย์ในเขตเมือง ท่องเที่ยวว่า ตั้งแต่ปลายปี 2554 ถึงต้นปี 2555 เป็นต้นมา พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เห็นถึงความเปลี่ยนแปลง ที่เกิดขึ้นในส่วนของอุปสงค์ในตลาด โดยพบว่า กำลังซื้อในระดับกลางเริ่มมองหาอสังหาริมทรัพย์ในเขต เมืองท่องเที่ยวไว้เพื่อเป็น “บ้านพักตากอากาศและบ้านพักกรณีฉุกเฉิน” เพิ่มขึ้นเกือบ 100% ส่งผลให้ อสังหาริมทรัพย์ในทุกระดับราคากลับมาคึกคักอย่างมากหลังเกิดเหตุอุทกภัยครั้งใหญ่ที่ผ่านมา โดยเฉพาะตลาด คอนโดมิเนียม ส่วนทาวน์เฮาส์และบ้านเดี่ยวยังคงยอดขายในระดับเดิม
“น้ำท่วมทำให้คนเกิดประสบการณ์ใหม่ ความเคยชินและความพึงพอใจที่ได้เปลี่ยนบรรยากาศมาใช้ชีวิตใน ต่างจังหวัด ทำให้หลายคนต้องการซื้อบ้านพักตากอากาศไว้หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ซึ่งกล่าวได้ว่าในปี 2555 เราจะเห็นกลุ่มกำลังซื้อชาวไทยเพิ่มขึ้นกว่า 100% ในขณะที่กลุ่มกำลังซื้อต่างชาติยังทรงตัว และการนำเสนอ อสังหาริมทรัพย์ในแบบทำเลรองแต่ใกล้แหล่งชุมชนจะเพิ่มสูงขึ้น เพื่อตอบรับกำลังซื้อระดับกลาง ส่วนกำลังซื้อ ระดับบนก็ยังคงมีต่อเนื่องแต่ติดที่อุปสงค์คุณภาพเริ่มลดลง และผู้ซื้อเดิมไม่ปล่อยขายสู่ตลาด แต่นิยมถือครอง เพื่ออยู่อาศัยและลงทุนในระยะยาว ทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ในกลุ่มดังกล่าวมีแนวโน้มสูงขึ้น” นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ กล่าวแสดงความคิดเห็น
เกี่ยวกับความเห็นต่อศักยภาพการเติบโตของอสังหาริมทรัพย์ต่างจังหวัดในปี 2555 และปัจจัยผลักดันนั้น นายอนุกูลกล่าวว่า “ตลาดต่างจังหวัดในช่วงนี้ถือเป็นช่วงพลิกวิกฤตเป็นโอกาส ด้วยศักยภาพของพื้นที่ที่มี เป็นทุนเดิม ทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวและเป็นพื้นที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์อย่างหัวหิน ชะอำ พัทยา เชาใหญ่ ฯลฯ ล้วนกระตุ้นความสนใจให้ผู้ประกอบการเข้ามาเพิ่มอุปทานในตลาด รองรับกำลังซื้อในอนาคตได้เป็นอย่างดี กระแสตื่นกลัวจากอุทกภัยที่เพิ่งผ่านพ้น ทำให้ผู้บริโภคเริ่มให้ความสนใจกับที่พักอาศัยนอกเขตเมือง อสังหาริมทรัพย์ในต่างจังหวัดที่อยู่ในอาณาเขตใกล้กรุงเทพฯ จึงกลายเป็นเป้าหมายหลักในการย้ายถิ่นฐาน เพราะไม่เพียงแต่จะได้อากาศบริสุทธิ์ ยังตามมาด้วยความเจริญทั้งการเติบโตของศูนย์การค้าและระบบคมนาคม ล้วนส่งเสริมให้พื้นที่เหล่านี้มีความน่าสนใจเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม อสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ห่างไกลจากเมือง เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต ต่างได้รับความสนใจไม่แพ้กัน เพราะนอกจากปัจจัยด้านอุทกภัยที่ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ เริ่มลงทุนในพื้นที่ต่างจังหวัดมากขึ้นแล้ว ผู้บริโภคที่ต้องการที่พักอาศัยในช่วงหลังวัยเกษียณล้วนเข้ามาเพิ่ม ส่วนแบ่งอุปสงค์ในตลาดด้วย ดังนั้น ภูเก็ตและเชียงใหม่ จึงอยู่ในตัวเลือกสำคัญเช่นกัน”
ด้านนางสาวสมสกุล หลิมศุทธพรรณ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า หากวิเคราะห์ในภาพรวมการเติบโตของอสังหาริมทรัพย์ในเขตเมืองท่องเที่ยว หลักๆ พบว่า หัวหิน-ชะอำ ยังเป็นตลาดที่มีอัตราเติบโตอย่างมาก รองลงมาคือ พัทยา และล่าสุดที่มาแรงไม่แพ้กัน ก็คือ เขาใหญ่ โดยกำลังซื้อกว่า 70% เป็นกำลังซื้อของคน กทม. ในขณะที่อีก 30% ที่เหลือเป็นกำลังซื้อ ของชาวต่างชาติที่ซื้อไว้เพื่อเลี่ยงอากาศหนาวรวมทั้งเป็นบ้านหลังเกษียณ และคนในพื้นที่ที่มุ่งซื้อเพื่อลงทุน เป็นหลัก
“เมื่อวิเคราะห์ในเขตทำเลยอดฮิตอย่างหัวหิน-ชะอำ ในช่วงปลายปี 2554 คาบเกี่ยวต้นปี 2555 พบว่ามีอัตราการเติบโตดีขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยคอนโดมิเนียมยังเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่ตอบรับความต้องการได้มากที่สุด รองลงมาคือ บ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ โดย พื้นที่ชะอำ และ เขาตะเกียบ-เขาเต่า ได้รับความนิยมสูงสุด กว่าทุกพื้นที่ในตลาดคอนโดมิเนียม มีอัตราการตอบรับอยู่ที่ 47% จากยอดเสนอขายที่ 902 ยูนิต และ 46% จากยอดเสนอขายที่ 1,064 ยูนิต ตามลำดับ อุปทานใหม่ในปัจจุบันยังให้ความสนใจพัฒนาโครงการเสนอขาย สูงสุดในพื้นที่เหล่านี้ด้วย ด้านราคาเสนอขายล่าสุดในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ตลาดคอนโดมิเนียมพบว่ามีการปรับตัว สูงขึ้นประมาณ 3% โดยเฉลี่ย มาอยู่ที่ 77,939 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นตามพื้นฐานเศรษฐกิจ โดยทั่วไป มิใช่เกิดจากการเก็งกำไรแล้วทำให้ระดับราคาเปลี่ยนแปลง ส่วนราคาบ้านเดี่ยวยังเน้นเสนอขายที่ราคา 3-5 ล้านบาทเป็นหลัก ส่วนทาวน์เฮาส์ เน้นกลุ่มราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท เป็นหลัก
ด้านแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเขตหัวหิน-ชะอำ นั้น นางสาวสมสกุล หลิมศุทธพรรณ กล่าวเสริม ในประเด็นดังกล่าวว่า “ปัจจุบันภาพรวมอุปสงค์ของตลาดคอนโดมิเนียมยังตอบสนองความต้องการได้ดี และเป็นปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้ตลาดยังเติบโต เพราะนอกจากผู้บริโภคจะต้องการบ้านหลังที่สองแล้ว การลงทุนเพื่อผลตอบแทนนับว่ามีแนวโน้มที่ดีขึ้นในพื้นที่ดังกล่าว ไม่เว้นแม้แต่ตลาดแนวราบ เช่น ทาวน์เฮาส์ และบ้านเดี่ยว คาดว่าจะได้รับอานิสงค์ให้ผลตอบรับในอนาคตเติบโตดีขึ้นเช่นกัน โดยคาดว่าในปี 2555 นี้ตลาดคอนโดมิเนียมจะมีอุปทานใหม่เสนอขายอีกไม่ต่ำกว่า 6,000 ยูนิตในพื้นที่ชะอำ และพื้นที่เขาตะเกียบ-เขาเต่า เพื่อเข้ามากระตุ้นให้ตลาดเคลื่อนไหวมากขึ้น ส่วนราคาขายเฉลี่ยต่อตารางเมตรในตลาดคอนโดมิเนียม มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอีกอย่างน้อย 6% ในอนาคต ส่วนตลาดแนวราบคาดว่าราคายังทรงตัวใกล้เคียง ตามพื้นฐานของปีนี้ แต่จะเน้นเสนอขายที่กลุ่มราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาทมากขึ้น”
หากพิจารณาถึงพื้นที่เมืองท่องเที่ยวอื่นๆ นางสาวสมสกุล กล่าวแสดงความเห็นในส่วนดังกล่าวว่า “สำหรับตลาดต่างจังหวัดในทำเลอื่นๆ เช่น เขาใหญ่ เชียงใหม่ โดยภาพรวมยังเน้นเสนอขายอสังหาฯ แนวราบ เช่น บ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์มากกว่าที่อยู่อาศัยแนวสูงอย่างคอนโดมิเนียม ทั้งนี้เพราะความต้องการในตลาด มีวัตถุประสงค์การซื้อ-ขายที่แตกต่างกัน ทั้ง 2 พื้นที่เป็นเมืองแห่งวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ การพัฒนาโครงการเสนอขายเป็นไปเพื่อรองรับกลุ่มคนในพื้นที่มากกว่าจะสร้างตามกระแสรองรับนักท่องเที่ยวและลงทุนอย่างพื้นที่ในเมืองท่องเที่ยว เช่น หัวหินหรือภูเก็ต จำนวนยูนิตเสนอขายส่วนใหญ่จึงเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบ โดยในปีที่ผ่านมาปริมาณการขายได้มีสัดส่วนการตอบรับที่ดีทั้งบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียม ในพื้นที่เชียงใหม่ สัดส่วนการขายได้โดยเฉลี่ยประมาณ 60% จากยอดเสนอขาย เช่นเดียวกับตลาดเขาใหญ่และมีแนวโน้มการเติบโต ที่ดีในอนาคต ส่วนตลาดภูเก็ตและพัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยวชายทะเล ดังนั้นวัตถุประสงค์หลักในการซื้อ-ขาย จึงอยู่ที่จุดหมายหลักคือวิวทะเล อุปทานส่วนใหญ่จึงเสนอขายโครงการแบบที่พักอาศัยแนวสูงเช่นคอนโดมิเนียม มากกว่าที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยวหรือทาวน์เฮาส์ โดยพื้นที่ภูเก็ตอุปสงค์โดยเฉลี่ยประมาณ 52% จากยอด เสนอขายทั้งหมด และพัทยาอุปสงค์โดยเฉลี่ยประมาณ 41% จากยอดเสนอขายทั้งหมด สำหรับราคาขายเฉลี่ย ส่วนใหญ่เน้นกลุ่มระดับกลางถึงล่างเป็นหลักที่ราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท และ 3-5 ล้านบาท แตกต่างกันในแต่ละ พื้นที่ ด้านราคาในอนาคตนั้น ราคาขายโดยเฉลี่ยอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามสภาพเศรษฐกิจและการแข่งขันใน ระบบตลาด แต่อย่างไรก็ตามการแข่งขันไม่เข้มข้น เช่น อสังหาริมทรัพย์ในเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ ดังนั้น ด้วยต้นทุนและค่าครองชีพที่ต่ำกว่าในกรุงเทพฯ อาจทำให้ราคาขายโดยเฉลี่ยเติบโตเล็กน้อยไม่เกิน 3-5 % แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ โดยมีความเป็นไปได้สูงที่ราคาคอนโดมิเนียมกลุ่มราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาทจะมีส่วนแบ่ง การเสนอขายสูงขึ้นเพื่อรองรับความต้องการที่มีอยู่จำนวนมาก ในขณะที่กลุ่มราคา 3-5 ล้านบาทยังเป็นราคา พื้นฐานของอสังหาริมทรัพย์ระดับกลางที่มีกำลังซื้อรองรับได้ต่อเนื่อง”