กรุงเทพฯ--15 มี.ค.--เวเบอร์ แชนด์วิค
กลุ่มบริษัทเอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก ชี้การเคลื่อนไหวของราคาทองคำที่มีการลดระดับราคาอย่างรุนแรงติดต่อกัน 2 วัน ลดลงกว่า 500 บาทต่อบาททองคำ ทำให้ราคาทองคำในวันพฤหัสที่ 15 มีนาคม ราคาทองคำแท่งมีระดับราคารับซื้อที่ 23,950 บาท และราคาขายที่ราคา 24,050 บาท ชี้นักลงทุนในตลาดโกลด์ ฟิวเจอร์ส ควรบริหารความเสี่ยงปรับพอร์ตการลงทุนให้สอดคล้องกับภาวะตลาด นักลงทุนทองคำแท่งทยอยเข้าช้อนซื้อ
นายแพทย์ กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก เปิดเผยเกี่ยวกับปัจจัยที่กระทบต่อราคาทองคำนั้น มี 2 ประเด็นหลัก คือ ปัญหาเรื่องวิกฤติการณ์ภาวะการเงินในสหภาพยุโรป นำโดยประเทศกรีซซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังมากว่า 1 ปี และประเด็นที่สอง คือ กรณีตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐนั้นมีการปรับตัวค่อนข้างดี โดยเฉพาะในช่วงระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา ตัวเลขการว่างงานของสหรัฐปรับตัวดีขึ้นจากอัตราภาวะการว่างงานลดลงจาก 10 % เหลือเพียง 8.3 % และตัวเลขการจับจ่ายของผู้บริโภคในสหรัฐเพิ่มสูงขึ้น และรวมไปถึงการขาดดุลการค้าในไตรมาส 4 ที่ดีขึ้น ส่งผลให้ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ผนวกกับค่าเงินยูโรที่อ่อนตัวลง ปัจจัยต่างๆ ดังกล่าวข้างต้นทำให้ราคาทองคำร่วงลงจาก 1,792 เหรียญ/ออนซ์ เมื่อ 10 วันก่อน ปรับตัวลดลงครั้งแรก 100 เหรียญ มาอยู่ที่ระดับ 1,700 เหรียญ / ออนซ์ หลังจากนั้น มีการปรับลดลงครั้งที่ 2 ในวันที่ 13 มีนาคม จากระดับ 1,700 มาที่ 1,640 เหรียญ/ออนซ์ หรือลดลงประมาณ 1,400 บาท/บาททองคำ ภายในช่วง 10 วันทำการ ทำให้ราคาทองคำถูกลดทอนสถานะความเป็น Save Haven ลง
นายแพทย์กฤชรัตน์ ให้ความคิดเห็นว่าราคาทองอยู่ในช่วงขาลง และระยะเวลาช่วงสั้นๆ นี้ คาดว่าราคาทองคำจะมีการปรับตัวลดลงได้อีกบ้าง โดยราคาทองคำแท่งของไทยจะมีแนวรับสำคัญบริเวณราคา 23,500 บาท (โดยประมาณ) และมีแนวต้านที่ระดับ 24,500 บาท โดยให้คำแนะนำนักลงทุน ดังนี้
นักลงทุนระยะสั้นโดยเฉพาะในตลาด โกลด์ ฟิวเจอร์ส และทองคำแท่ง (ระยะสั้น) นักลงทุนต้องมีการปรับพอร์ตการลงทุนให้สอดคล้องกับตลาดในทิศทางขาลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักลงทุนในโกลด์ ฟิวเจอร์ส ที่ใช้มาร์จิ้นให้มีความระมัดระวังในการบริหารความเสี่ยง เพราะหากนักลงทุนใช้มาร์จิ้นสูงอาจจะถูก คอลล์มาร์จิ้น (Call Margin) โดยเน้นว่านักลงทุนต้องมีการปรับกลยุทธ์ที่รวดเร็ว ฉับไว และทันต่อเหตุการณ์และแนวโน้มของราคาทองคำ โดยสามารถทำกำไรในช่วงขาลงได้
กรณีนักลงทุนทองคำแท่งระยะยาว กลุ่มบริษัทเอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก แนะนำนักลงทุนดังนี้กรณีนักลงทุนมีพอร์ตการลงทุนทองคำมากกว่า 50 % ควรบริหารพอร์ตให้สอดคล้องกับสภาวะขาลง เนื่องจากมีพอร์ตการลงทุนทองคำมากอยู่แล้ว ควรทำกำไรในช่วงแนวโน้มทองขาลงบ้าง สำหรับนักลงทุนระยะยาวที่มีพอร์ตน้อยกว่า 50% แนะนำให้เข้าซื้อเป็นระยะๆ ในการช้อนซื้อ ในช่วงแนวรับ 23,800 บาท เป็นแนวรับแรก และระดับ 23,500 บาท เป็นแนวรับที่สอง
อย่างไรก็ดี นายแพทย์ กฤชรัตน์ ย้ำว่า นักลงทุนทองคำในขณะนี้โดยส่วนใหญ่ที่เคยเข้าซื้อทองคำในราคาสูงในช่วงที่ผ่านมา ให้มีการบริหารความเสี่ยงและปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับสภาวะตลาดขาลง และต้องติดตามปัจจัยต่างๆที่จะมีผลกระทบต่อราคาทองคำอีกด้วย