กรุงเทพฯ--16 มี.ค.--Triple J Communication
กกพ. เผยความคืบหน้าการดำเนินงานกองทุนพัฒนาไฟฟ้าในพื้นที่ประกาศ พิจารณาแต่งตั้ง คพรฟ.เรียบร้อยแล้ว 29 กองทุน จากทั้งหมด 38 กองทุน คิดเป็นร้อยละ 76 คาด มีนาคมนี้ เสร็จเรียบร้อย พร้อมเผยตัวเลขเงินที่เก็บรักษาไว้จำนวน 2,206 ล้านบาท เปิดประเดิม 2 กองทุนแรก ได้แก่ กองทุนพัฒนาไฟฟ้าจะนะ และกองทุนพัฒนาไฟฟ้ากระบี่
ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.ดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เปิดเผยว่า “ขณะนี้การสรรหาคณะกรรมการกองทุนพัฒนาไฟฟ้า หรือ คพรฟ.ในพื้นที่ประกาศ ดำเนินการใกล้เสร็จแล้ว โดยสำนักงาน กกพ. ได้นำเสนอ กกพ.เพื่อพิจารณาแต่งตั้ง คพรฟ.แล้วเสร็จ จำนวน 29 กองทุน แบ่งเป็นกองทุนประเภท ก.จำนวน 9 กองทุน และ กองทุนประเภท ข.จำนวน 20 กองทุน จากทั้งหมด 38 กองทุน หรือ คิดเป็นร้อยละ 76 และคาดว่าการดำเนินงานแต่งตั้งดังกล่าว จะเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือนมีนาคม 2555 นี้
ส่วนเงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้าที่ สำนักงาน กกพ.เก็บรักษาไว้อยู่ ณ วันที่ 31 มกราคม 2555 นั้นมีจำนวนประมาณ 2,206 ล้านบาท โดยเงินดังกล่าวมาจากเงินที่ผู้รับใบอนุญาตผลิตไฟฟ้าประมาณ 200 รายนำส่งเข้ากองทุนฯ สำหรับผลิตไฟฟ้าเดือน มกราคม — ธันวาคม 2554 จำนวนเงิน 1,672.71 ล้านบาท เงินกองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าเดิมที่ กฟผ.โอนให้สำนักงาน กกพ.เพื่อจัดสรรในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าเดิม 533.15 ล้านบาท และ เงินกองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าเดิมที่ได้รับบริจาคให้สำนักงาน กกพ. เพื่อจัดสรรให้พื้นที่รอบโรงไฟฟ้าเดิมอีก 0.85 ล้านบาท ซึ่งสำนักงาน กกพ.จะเริ่มโอนเงินค่าใช้จ่ายในการบริหารให้กับกองทุนพัฒนาไฟฟ้าในพื้นที่ประกาศตามกรอบงบประมาณที่ กกพ.ได้ให้ความเห็นชอบเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2555 จำนวน 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนพัฒนาไฟฟ้าโรงไฟฟ้าจะนะ จังหวัดสงขลา และกองทุนพัฒนาไฟฟ้าโรงไฟฟ้ากระบี่”
นายดิเรกกล่าวเพิ่มเติมว่า “นอกจากนั้น ประชาชนในพื้นที่ประกาศรอบโรงไฟฟ้า สามารถมีส่วนร่วมในการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาไฟฟ้าได้ในทุกขั้นตอน นับตั้งแต่การรับสมัครและคัดเลือกผู้แทนเข้ามาเป็นคณะกรรมการพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า การเสนอโครงการชุมชนเพื่อขอรับการสนับสนุนจากเงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้าในพื้นที่ประกาศ การติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินงานกองทุนพัฒนาไฟฟ้าในพื้นที่ประกาศ ทั้งนี้ เพื่อให้กองทุนพัฒนาไฟฟ้าเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาคุณภาพชีวิต สังคม ชุมชนและสิ่งแวดล้อมรอบโรงไฟฟ้าได้ตรงใจ ตรงกับความต้องการของชุมชน มีประสิทธิภาพ โปร่งใสและตรวจสอบได้จากทั้งประชาชนรอบโรงไฟฟ้า และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน” นายดิเรกกล่าวทิ้งท้าย