กรุงเทพฯ--28 เม.ย.--ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย)
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) ของ บริษัทอิออน ธนสินทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด ("อิออน") ระยะยาวที่ระดับ 'A-(tha)' และระยะสั้นที่ระดับ 'F2(tha)' แนวโน้มมีเสถียรภาพ อันดับเครดิตนี้ยังถูกให้กับตั๋วแลกเงินเฉพาะชุดที่ออกแล้วโดยอิออน (ดูรายละเอียดในรายงานฉบับเต็ม) และตั๋วแลกเงินใหม่จำนวน 700 ล้านบาท ซึ่งจะครบไถ่ถอนปี 2552
อันดับเครดิตของอิออนสะท้อนให้เห็นจุดแข็งของบริษัทในการให้บริการลูกค้าเฉพาะกลุ่ม, การเติบโตของผลกำไรและการทำกำไรที่แข็งแกร่งในธุรกิจเงินกู้รายย่อย การกระจายความเสี่ยงของสินค้าที่อิออนปล่อยสินเชื่อ เงินกองทุนที่แข็งแกร่ง และการสนับสนุนจากบริษัทแม่ แต่อันดับเครดิตยังสะท้อนให้เห็นถึงความกังวลในคุณภาพสินทรัพย์ที่อาจถดถอยลงเนื่องจากกลยุทธ์การปล่อยสินเชื่อที่มีอัตราการเติบโตค่อนข้างสูงและเนื่องจากความผันผวนของสินเชื่อผู้บริโภคในกลุ่มลูกค้ารายได้ต่ำ
สินเชื่อของอิออนได้ขยายตัวอย่างมากใน 4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งส่วนใหญ่สืบเนื่องมาจากการเติบโตของธุรกิจหลักคือ ธุรกิจเช่าซื้อ และบัตรเครดิต สินเชื่อของอิออนส่วนใหญ่จะมีอายุสั้นแบ่งเป็นสินเชื่อเช่าซื้อไม่มีประกัน (38% ของสินเชื่อทั้งหมด ณ กุมภาพันธ์ 2547), สินเชื่อบัตรเครดิต (41%) และสินเชื่อส่วนบุคคลสำหรับการซื้อสินค้าขนาดย่อมของผู้บริโภค (20%) อิออนมีกำไรสุทธิในช่วงปี ประกอบการ 2546/2547 ที่ 623 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจาก 464 ล้านบาทในปีประกอบการก่อน เป็นผลเนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้สินเชื่อเช่าซื้อ รายได้ธุรกิจบัตรเครดิตและรายได้สินเชื่อส่วนบุคคล แม้ว่าสินเชื่อเช่าซื้อของอิออนจะปรับตัวลงเล็กน้อยในปีประกอบการ 2546/2547 จากการที่ความมั่นใจของผู้บริโภคถูกกระทบโดยโรคไข้หวัดซาร์และสงครามในประเทศอิรัก ฟิทช์คาดว่าอัตราการเติบโตของสินเชื่อน่าจะกลับสู่สภาพ ปกติในปี 2547
หนี้ที่ค้างชำระ ตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป รวมหนี้ที่ตัดเป็นหนี้สูญอยู่ที่ระดับ 9.2 %ของสินเชื่อลูกหนี้การค้าทั้งหมด ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2547 เพิ่มขึ้นจากระดับ 6.9% ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2546 ถ้าไม่รวมผลกระทบจากการโอนสินทรัพย์ไปเพื่อโครงการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ (Securitisation) หนี้ที่ค้างชำระจะอยู่ที่ระดับ 8% ของสินเชื่อลูกหนี้การค้าทั้งหมด แม้ว่าหนี้ที่ค้างชำระดังกล่าวจะอยู่ในระดับที่มาตรการควบคุมการปล่อยสินเชื่อและการจัดเก็บหนี้ที่เข้มงวดนับแต่กลางปี 2546 ได้ช่วยลดการถดถอยของคุณภาพของสินทรัพย์ ปัจจัยหลักประการหนึ่งที่ทำให้อิออนมีผลประกอบการที่ดีคือการบริหารงานที่เข้มงวด โดยเฉพาะทางด้านการปล่อยสินเชื่อและการจัดเก็บหนี้ อย่างไรก็ตาม ถ้ามีการเพิ่มขึ้นของระดับหนี้ที่ค้างชำระเป็นระยะเวลานานอาจส่งผลกระทบกับอันดับเครดิตของอิออนในอนาคต
อัตราการเติบโตของสินเชื่อที่อยู่ในระดับสูงโดยเฉพาะในธุรกิจบัตรเครดิตอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงของหนี้ที่ค้างชำระและหนี้สูญที่อาจเพิ่มขึ้นซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการทำกำไรในอนาคต การเพิ่มขึ้นของการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อสำหรับสินค้าชิ้นใหญ่เช่น รถมอเตอร์ไซค์ และยานพาหนะ ยังก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อคุณภาพของสินทรัพย์ในระยะปานกลางด้วย
กฎเกณฑ์ในการให้ใบอนุญาตใหม่และการควบคุมธุรกิจบัตรเครดิตที่มีผลบังคับใช้ในปี 2546 ไม่ได้มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่ออิออนถึงแม้ว่าการควบคุมอัตราดอกเบี้ยและการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นได้ส่งแรงกดดันต่ออัตรากำไรของบริษัทที่อยู่ในระดับสูงมากอยู่บ้าง มาตรการควบคุมธุรกิจบัตรเครดิตที่ออกมาเพิ่มเติมและมีผลบังคับใช้ในเดือนเมษายน 2547 คาดว่าจะมีผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่ออิออนเนื่องจากการทำธุรกิจของอิออนที่ผ่านมาอยู่ในระดับที่กฎเกณฑ์ใหม่บังคับอยู่แล้ว
อิออนทำการแปลงสินเชื่อเช่าซื้อเป็นหลักทรัพย์ จำนวน 2 พันล้านบาทในเดือนกุมภาพันธ์ 2547 ผลกระทบโดยทั่วไปจากการแปลงสินเชื่อเช่าซื้อ เป็นหลักทรัพย์ ต่อการทำกำไรและคุณภาพของสินทรัพย์ น่าจะมีไม่มากนัก และน่าจะส่งผลบวกต่อสภาพคล่องและเงินกองทุนของบริษัท เมื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ในประเทศไทย เริ่มจะพัฒนามากขึ้น อิออนน่าจะได้รับประโยชน์ทางด้านต้นทุนเงินกู้ยืม และการกระจายของแหล่งเงินทุน ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทสามารถขยายธุรกิจต่อไปได้อีกในอนาตต
อิออนมีเงินกองทุนต่อสินเชื่อในระดับ 15% ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2547 ในขณะที่กระแสเงินสดจากการดำเนินงานของอิออนน่าจะยังอยู่ในระดับสูง ฟิทช์เชื่อว่าอิออนอาจพิจารณาเพิ่มทุนในอนาคตเพื่อจะรักษาอัตราการเติบโตของสินเชื่อที่สูงต่อไป
หมายเหตุ : การจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) ใช้วัดความน่าเชื่อถือของบริษัทในประเทศที่อันดับเครดิตของรัฐบาลในประเทศนั้นอยู่ในระดับต่ำกว่า 'AAA' ในระดับการจัดอันดับเครดิตแบบสากล (International Ratings) อันดับเครดิตภายในประเทศจึงไม่สามารถเปรียบเทียบกับอันดับเครดิตแบบสากล เนื่องจากอันดับเครดิตของบริษัทที่ดีที่สุดของประเทศได้จัดไว้ที่ระดับ "AAA" และการจัดอันดับเครดิตอื่นในประเทศ จะเป็นการเปรียบเทียบความเสี่ยงกับบริษัทที่ดีที่สุดนี้เท่านั้น อันดับเครดิตภายในประเทศจะมีสัญลักษณ์ที่กำหนดไว้ต่อท้ายจากอันดับเครดิตสำหรับประเทศนั้นๆ เช่น "AAA(tha)" ในกรณีของประเทศไทย
ติดต่อ
ชัยพัฒน์ ไพฑูรย์, Vincent Milton, กรุงเทพฯ +662 655 4762/4759
David Marshall, ฮ่องกง +852 2263 9963--จบ--
-นท-