กรุงเทพฯ--19 มี.ค.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
บมจ.โกลเบล็ก โฮลดิ้งฯให้กรอบลงทุนทองคำ 1,635-1,685 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ แนะ “ทยอยขาย” หากเด้งสูงกว่า 1,680 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ เหตุปัจจัยกรีซได้รับเงินช่วยเหลือจาก EU และ IMF และตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่คาดว่าจะออกมาดี แต่ควร “ตัดขาดทุน” ถ้าราคาลงต่ำกว่า 1,630 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ จากปัจจัยกดดันจากจีนประกาศขาดดุล
นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ นักวิเคราะห์ทองคำ บริษัท โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด( มหาชน) หรือ GBX กล่าวถึงแนวโน้มราคาทองคำในสัปดาห์นี้ (19-23 มีนาคม 2555) ว่า ในสัปดาห์นี้มองกรอบราคาทองคำที่ 1,635-1,685 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ หรือประมาณ 23,780-24,510 บาท/บาททองคำ (อ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยนที่ 30.72 บาท/ดอลลาร์) โดยแนะนำนักลงทุน “ทยอยขาย” หากราคาปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านหรือสูงกว่า 1,680 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ หรือ 24,440 บาท/บาททองคำ
ขณะเดียวกันให้รอดูที่แนวรับ 1,635 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ หรือ 23,780 บาท/บาททองคำหากยืนไม่ได้อาจปรับตัวลงต่ำกว่า 1,600 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ หรือ 23,280 บาท/บาททองคำ โดยให้ “ตัดขาดทุน” ถ้าราคาปรับตัวลงต่ำกว่า 1,630 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ หรือ 23,710 บาท/บาททองคำ
ทั้งนี้ ปัจจัยที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ยอดขายบ้านมือสองที่จะออกมาในวันพุธที่ 21 มีนาคม ขณะที่ยอดผู้ขอรับสวัสดิการจะมีตัวเลขออกมาในวันพฤหัสบดีที่ 22 มีนาคม และยอดขายบ้านใหม่สหรัฐฯที่จะประกาศในวันศุกร์ที่ 23 มีนาคมที่น่าจะส่งผลต่อราคาทองคำ
อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำยังได้รับปัจจัยกดดันจากจีนประกาศขาดดุลมากกว่าที่คาดทำให้มีความกังวลว่าเศรษฐกิจจีนอาจชะลอตัวจากภาคการส่งออก แต่ในช่วงปลายสัปดาห์ราคาทองคำสามารถดีดตัวขึ้นมาได้หลังจากกรีซจะได้รับเงินช่วยเหลือจากทั้ง EU และ IMF ซึ่งจะทำให้กรีซหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ในวันที่ 20 มี.ค.นี้
สำหรับราคาทองคำโลกในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ปรับตัวลงจากสัปดาห์ก่อนที่ราคาทองคำอยู่ที่ 1,661.36 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ (ณ วันที่ 16 มีนาคม 14.00 น.) ปรับตัวลดลงประมาณ 47 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ หรือคิดเป็น 2.76% ทำจุดสูงสุดไว้ที่ 1,713.80 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ และทำจุดต่ำสุดไว้ที่ 1,634.09 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ โดยราคาทองคำเริ่มปรับตัวลงตั้งแต่ต้นสัปดาห์หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐทั้งยอดจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ปรับตัวสูงขึ้น, ยอดผู้ขอรับสวัสดิการที่ลดลงและผลการทำ stress test ที่มีธนาคารผ่านการทดสอบถึง 15 แห่งจาก 19 แห่ง ซึ่งบ่งชี้ถึงเศรษฐกิจมีแนวโน้มดีขึ้นทำให้นักลงทุนทยอยขายสินทรัพย์เสี่ยงต่ำเพื่อไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากขึ้น จึงทำให้มีแรงขายออกมาทั้งในตลาดพันธบัตรสหรัฐและในทองคำ