กรุงเทพฯ--21 มี.ค.--ปภ.
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จัดสัมมนา“ผ่าวิกฤตมหาอุทกภัย 2554 เตรียมพร้อมรับมือวิกฤตน้ำ 2555” เพื่อเป็นเวทีในการสะท้อนข้อคิดเห็นจากหลายภาคส่วน ทำให้ได้ข้อมูลการบริหารจัดการอุทกภัย ในหลากหลายแง่มุม รอบด้าน และครอบคลุมทุกมิติ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการวางแนวทางบริหารจัดการอุทกภัย ในภาพรวมของประเทศ และสร้างความเชื่อมั่นในศักยภาพการเตรียมความพร้อมรับมืออุทกภัยในอนาคต
นายวัลลภ พริ้งพงษ์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า มหาวิกฤตอุทกภัยในปี 2554 ได้สร้างความเสียหาย แก่ชีวิตและทรัพย์สินของคนไทยอย่างมหาศาล ถือเป็นบทเรียนสำคัญที่ทุกภาคส่วนต้องตระหนักถึงการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์อุทกภัย โดยรู้จักเรียนรู้และนำบทเรียนดังกล่าวมาวางแผนกำหนดแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยที่อาจเกิดขึ้น กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จึงได้จัดสัมมนา “ผ่าวิกฤตมหาอุทกภัย 2554 เตรียมพร้อมรับมือวิกฤตน้ำ 2555” เพื่อเป็นเวทีให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน นักวิชาการ และ ภาคประชาชนได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาอุทกภัยปี 2555 รวมทั้งเป็นการระดมข้อมูล ข้อเสนอแนะ และข้อคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยในอนาคต ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจะได้รวบรวมข้อมูลจากการสัมมนาและเสนอต่อคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) และคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการวางแนวทางบริหารจัดการอุทกภัยในภาพรวมของประเทศ
นายอนุสรณ์ แก้วกังวาล รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ในการสัมมนา ครั้งนี้มีผู้ร่วมสัมมนาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้แทนจากส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน องค์กรระหว่างประเทศ องค์กรเครือข่าย และภาคประชาชน รวมกว่า 350 คน และมีการบรรยายพิเศษ เรื่อง “กลไกภาครัฐเตรียมพร้อมรับมืออุทกภัย 55” การเสวนาหัวข้อ “เตรียมรับมือก่อนจะสาย ไม่ให้เป็นดั่งวิกฤตน้ำท่วม 54” หัวข้อเรื่อง “บทเรียนมหาอุทกภัย 54 กับการเรียนรู้ใหม่เพื่ออนาคต โดยนักวิชาการ ผู้ทรงคุณวุฒิ และการแสดงธรรมเทศนา เรื่อง “มีสติ รู้ทันภัย” โดยพระราชธรรมนิเทศ (พระพยอม กัลยาโณ) ซึ่งการจัดสัมมนาในครั้งนี้ จะเป็นเวทีในการสะท้อนข้อคิดเห็นจากหลายภาคส่วน ทำให้ได้ข้อมูลการบริหารจัดการอุทกภัยในหลากหลายแง่มุม รอบด้าน และครอบคลุมทุกมิติ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการวางแนวทางบริหารจัดการอุทกภัย ในภาพรวมของประเทศ และสร้างความเชื่อมั่นในศักยภาพการเตรียมความพร้อมรับมืออุทกภัยในอนาคต