กรุงเทพฯ--21 มี.ค.--เอ็ม พิคเจอร์ส
จัดจำหน่ายโดย เอ็ม พิคเจอร์ส
ชื่อภาษาไทย ป๊อปปี้ ฮิลล์ ร่ำร้องขอปาฏิหาริย์
ภาพยนตร์แนว แอนิเมชั่น-ดราม่า
จากประเทศ ญี่ปุ่น
กำหนดฉาย 26 เมษายน 2555
ณ โรงภาพยนตร์ โรงภาพยนตร์ในเครือเอเพ็กซ์
ผู้กำกับ Goro Miyazaki (โกโระ มิยาซากิ)
อำนวยการสร้าง Toshio Suzuki (โทชิโอะ ซูซูกิ)
นักแสดง Masami Nagasawa(มาซามิ นากาซาวะ), Junichi Okada (จุนอิจิ โอคาดะ) , Shunsuke Kazama (ชุนสุเกะ คาซามะ)
จุดเด่น ภาพยนตร์เรื่อง From Up On Poppy Hill สร้างขึ้นจากนิยายภาพเรื่อง Kokurikozaka Kara โดยจิซึรุ ทากาฮาชิและเท็ตสึโระ ซายามะ บทภาพยนตร์เขียนโดยฮายาโอะ มิยาซากิและเคอิโกะ นิวะ ซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องที่สองที่กำกับโดยโกโระ มิยาซากินับตั้งแต่ผลงานเปิดตัวเรื่อง Gedo Senki (2006) ของเขา และภาพยนตร์เรื่องนี้จะได้เข้าฉายในงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตรอนโต From Up On Poppy Hill เป็นการนำเสนอเรื่องราวที่สดใหม่ของความรักแรกรุ่นระหว่างเด็กสาวและเด็กหนุ่มที่บริสุทธิ์และตรงไปตรงมาราวลูกธนู
เรื่องย่อ From Up On Poppy Hill ที่เกิดขึ้นในเมืองโยโกฮาม่า ประเทศญี่ปุ่น ในปี 1963 เป็นเรื่องรักที่มีตัวละครเอกเป็นนักเรียนไฮสคูล ผู้กลายเป็นกลุ่มคนญี่ปุ่นใหม่รุ่นแรก ขณะที่ประเทศนี้เริ่มฟื้นตัวจากความเสียหายจากสงครามโลกครั้งที่สอง คนรุ่นใหม่ต้องดิ้นรนกับการก้าวไปสู่อนาคตที่เจิดจรัสแต่ก็พยายามไม่สูญเสียสิ่งต่างๆ จากอดีตที่ทำให้พวกเขากลายมาเป็นพวกเขา อนิเมชันที่สดใสและเปี่ยมด้วยรายละเอียดของเรื่องถ่ายทอดความงดงามจับตาของท่าเรือโยโกฮาม่าและหุบเขาเขียวขจีรอบด้าน และด้วยซาวน์แทร็คที่นำมาจากดนตรีที่วิเศษที่สุดจากยุคสมัยนั้น ที่ได้ถ่ายทอดความรู้สึกตื่นเต้นของความรักหนุ่มสาวและความหวังของรุ่งอรุณใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
สารจากผู้กำกับ
Goro Miyazaki (โกโระ มิยาซากิ)
“…ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ From Up On Poppy Hill จะได้เข้าฉายในงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตรอนโต ภาพยนตร์เรื่องนี้เกิดขึ้นในปี 1963 ก่อนที่จะมีการจัดโตเกียว โอลิมปิคในปีถัดมา ในตอนที่ญี่ปุ่นกำลังเปลี่ยนแปลงจากยุคของความสับสนหลังความพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่สองไปสู่ยุคของการเติบโตอย่างสูงทางเศรษฐกิจ นางเอกของเรื่อง ที่เป็นเด็กนักเรียนไฮสคูล ได้พบและตกหลุมรักเด็กหนุ่มที่โรงเรียน และทั้งคู่ก็ได้เรียนรู้และเติบโตผ่านความรักของพวกเขาด้วยกัน เราไม่อยากจะสร้างเรื่องราวที่เกี่ยวกับการโหยหาอดีต หรือพูดว่า “โน่นเป็นอดีตที่สวยงาม” อย่างเดียว แต่เราอยากจำเสนอสายสัมพันธ์ใกล้ชิดและแรงสนับสนุนซึ่งกันและกันระหว่างเด็กหนุ่มและเด็กสาว พ่อแม่และลูกๆ เป็นสายสัมพันธ์ที่ยังคงล้ำค่า ไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งในตอนนี้และในตอนนั้น เรารู้สึกเป็นพิเศษถึงความสำคัญของสายสัมพันธ์และแรงสนับสนุนเช่นนั้นในปัจจุบันนี้ หลังจากเกิดภัยพิบัติแผ่นดินไหวและสึนามิเมื่อเร็วๆ นี้ เราคงจะยินดีเป็นอย่างยิ่งถ้าผู้ชมในเทศกาล โตรอนโตจะสนุกไปกับภาพยนตร์เรื่องนี้ครับ”
บทคัดย่อ
ผลงานชิ้นนี้เป็นซีรีส์หนังสือการ์ตูนที่ตีพิมพ์ในช่วงปี 1980 ในนิตยสารการ์ตูนผู้หญิงรายเดือนที่ชื่อ Nakayoshi มันบอกเล่าความรักที่บริสุทธิ์ของคู่รักนักเรียนไฮสคูลและความลับที่ห้อมล้อมการเกิดของพวกเขา นักเขียนเรื่องนี้เป็นผู้ชาย และความรู้สึกที่เขามีต่อประสบการณ์ของเขาในการเคลื่อนไหวของนักเรียนญี่ปุ่นในช่วงยุค 70s ก็สัมผัสได้ชัดเจนในเรื่องราวและแบ็คกราวน์ความวุ่นวายในโรงเรียนและความรังเกียจกลุ่มชนของพวกปัญญาชน
From Up On Poppy Hill เป็นการนำเสนอที่สดใหม่ของความรักแรกรุ่นระหว่างเด็กสาวและเด็กหนุ่มที่บริสุทธิ์และตรงไปตรงมาราวลูกธนู เรากำหนดให้ From Up On Poppy Hill เกิดขึ้นประมาณปี 1963 ก่อนหน้าที่จะเกิดโตเกียว โอลิมปิคหนึ่งปี ในตอนที่ยุคเบบี้บูมเริ่มถูกเรียกว่า “เยาวชนของปัจจุบัน” ตัวละครเอกของเราเป็นนักเรียนไฮสคูลที่อายุมากกว่าพวกเบบี้บูมซักหน่อย ยังไม่มีการสร้างทางด่วน แต่ถนนและรถไฟก็คราคร่ำไปด้วยรถและผู้คนท่ามกลางการจราจรที่ติดขัด มลพิษเริ่มทำให้แม่น้ำและมหาสมุทรแปดเปื้อน นอกจากนี้ ปี 1963 ยังเป็นปีที่นกกระเต็นหายไปจากบริเวณเขตเมืองโตเกียว ผู้คนมีเงินไม่มากนัก แต่พวกเขามีความหวัง
มันเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ และเป็นเวลาที่บางสิ่งบางอย่างกำลังจะหายไป อุมิ นางเอกของเรา ลูกสาวคนโตของครอบครัวที่มีแม่คนเดียว เป็นนักเรียนเกรดสิบเอ็ด เธอสูญเสียพ่อไปในทะเล และช่วยแม่เธอทำงานดูแลครอบครัวหกคน ซึ่งรวมถึงผู้พักอาศัยด้วย พระเอกของเราคือชุน บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ของโรงเรียน และมิซุนุมะ ประธานสภานักเรียน ทั้งคู่มีทัศนคติที่เคลือบแคลงในสังคมและผู้ใหญ่ พวกเขาเลือกจะเป็น ‘คนเจ๋ง’ ‘แบ๊ดบอย’ และไม่เคยคิดจะแสดงความเป็นมิตรต่อ อุมิ เพราะพวกเขาเจ๋งกว่านั้น สำหรับความวุ่นวายในโรงเรียนที่พวกเขาก่อให้เกิดขึ้น ในที่สุด พวกเขาทั้งคู่ก็ต้องรับผิดชอบ พวกเขาจะไม่ทำตัวป่วนจนเกินไป เพราะต่างคนต่างก็มีความใฝ่ฝันของตัวเองและรู้ว่าเขาอยากจะอยู่ ณ ที่แห่งใดกันแน่
ขณะที่หนุ่มๆ มองไปยังอนาคต อุมิก็มองออกไปยังเส้นขอบฟ้าที่อยู่ไกลแสนไกล รอคอยการกลับมาของพ่อผู้จากไป ทุกวัน เธอชักธงสัญญาณจากสวนของคฤหาสน์หลังเก่าที่อยู่บนเขาที่มองลงไปเห็นท่าเรือโยโกฮาม่า ธงสัญญาณที่เธอชักขึ้นมีตัวอักษร U และ W (เดินทางปลอดภัย) เรือลากที่มักจะแล่นผ่านข้างใต้ภูเขาได้ชักธงสัญญาณตอบกลับ และมันก็กลายเป็นกิจวัตรประจำวันในยามเช้าไปแล้ว เช้าวันหนึ่ง เรือลากส่งสัญญาณที่แตกต่างออกไป ธงสัญญาณของเรือลำนั้นมีคำว่า U W M E R พร้อมด้วยธงแสดงความขอบคุณ Mer เป็นภาษาฝรั่งเศสแปลว่า “ทะเล” และ Umi แปลว่า “ทะเล” ในภาษาญี่ปุ่น เด็กชายที่ถูกนำมายังท่าเรือโยโกฮาม่าในเรือลากของพ่อเขา รู้ว่าอุมิเป็นคนชักธงสัญญาณขึ้นทุกวัน
เรื่องราวนี้ส่วนใหญ่เกิดขึ้นบนยอดเขา สถานที่ที่ยังคงไม่แปดเปื้อนจากการพัฒนา มองลงไปจะเห็นทะเลที่เต็มไปด้วยเรือขนส่งสินค้า เรือประมง เรืออวนและเรือลาก จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นในคฤหาสน์หลังเก่า ตึกที่เคยถูกใช้เป็นโรงพยาบาลเอกชนจนกระทั่งรุ่นปู่ชของอุมิ ถนนบางสายที่นำไปสู่โรงเรียนยังคงไม่ผ่านการแผ้วถาง ทำให้รถสามล้อและรถบรรทุกที่บรรทุกน้ำหนักเกินทำเอาฝุ่นฟุ้งกระจาย ถนนที่หนาแน่นไปด้วยรถยนต์เต็มไปด้วยงานก่อสร้าง เสาโทรศัพท์ไม้และความวุ่นวายของป้ายต่างๆ ที่นำทางจากภูเขาสูงชันลงไปยังเมือง ปล่องควันสูงในเขตอุตสาหกรรมปล่อยกลุ่มควันสีออกมา เราได้เห็นรุ่งอรุณของมลพิษในวงกว้าง ท่ามกลางการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดุเดือด ที่ค้านกับการมีอยู่ของเมืองที่เสื่อมโทรม ในการทำให้มุมเล็กๆ ของโยโกฮาม่าเป็นฉากของเรา เราสามารถทำให้โลกใบนี้อยู่เบื้องล่างโลกที่ตัวละครเอกทั้งสองของเราต้องเผชิญได้
อุมิและเด็กหนุ่มจะรู้ความลับเกี่ยวกับการเกิดของพวกเขาได้อย่างไร และเมื่อพวกเขารู้แล้ว พวกเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร พวกเขาจะยังคงก้าวต่อไปข้างหน้า มันจะไม่มีการทำสัญญาฆ่าตัวตายคู่ พวกเขาจะไม่ทิ้งความรักของพวกเขา แต่พวกเขาจะเดินไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญเพื่อเรียนรู้ความจริง นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับพวกเขาเลย พวกเขาจะเรียนรู้ว่าพ่อแม่ของพวกเขาได้พบกัน รักกันและใช้ชีวิตอยู่อย่างไรท่ามกลางความโกลาหลของสงครามและยุคหลังสงคราม
เราหวังจะสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ให้มีเสน่ห์เพื่อที่ผู้ชมจะได้รู้สึกราวกับว่าพวกเขาเองก็เคยมีประสบการณ์แบบเดียวกันในสมัยวัยรุ่น หรือจะได้รับแรงบันดาลใจที่จะใช้ชีวิตอย่างที่ตัวละครของเราเลือกจะทำครับ
การเลือกนักพากย์
กฎสำคัญสำหรับการพากย์เสียงทับลงไปใหม่ของจิบลิคืออายุของนักพากย์เวอร์ชันพากย์เสียงใหม่จะต้องคล้ายคลึงกับอายุจริงๆ ของนักพากย์ชาวญี่ปุ่น
อย่างไรก็ดี เราเข้าใจว่าการที่นักพากย์จะมีอายุเดียวกันหรือเพศเดียวกันอาจเป็นไปไม่ได้เพราะเรื่องของนักพากย์ในภูมิภาคที่มีอยู่จำกัด แต่เราอยากให้นักพากย์ในท้องถิ่นนั้นๆ มีความใกล้เคียงกับนักพากย์ญี่ปุ่นในต้นฉบับมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ตลาดบางประเทศ ตามที่ถูกกำหนดไว้ จะต้องส่งตัวอย่างผลงานของนักพากย์ให้สตูดิโอ จิบลิได้เห็นชอบก่อนที่จะมีการบันทึกเสียงในสตูดิโอจริงๆ ในกรณีนี้ สตูดิโอ จิบลิจะส่งบทพูดที่พวกเขาเลือกไว้เพื่อใช้ในการอ่านบทของนักพากย์และผู้ซื้อลิขสิทธิ์ก็จะต้องส่งตัวอย่างการพากย์เสียง (สามารถส่งผู้แข่งขันได้ 3 คนต่อหนึ่งบท) เพื่อเข้ารับการเห็นชอบ
สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ ด้วยความที่มีตัวละครหลายตัว เราก็เลยให้น้ำหนักไปที่การคัดเลือกนักพากย์ที่เหมาะสมสำหรับตัวละครเอกสามตัว นั่นคืออุมิ มัตซุซากิ, ชุน คาซามะและชิโระ มิซุนุมะ ผู้ซื้อลิขสิทธิ์ควรปรึกษาไวลด์ บันช์หากมีข้อสงสัยใดๆ ในเรื่องการคัดเลือกนักพากย์สำหรับตัวละครตัวอื่นๆ แต่พวกเขาควรจะยึดการพากย์ที่ใกล้เคียงกับเสียงพากย์ภาษาญี่ปุ่นในต้นฉบับ หลังจากนี้คือข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับตัวละครหลัก
Umi Matsuzaki (อุมิ มัตซุซากิ) พากย์เสียงโดย Masami Nagasawa (มาซามิ นากาซาวะ)
อุมิ มัตซุซากิเป็นลูกสาวคนโตของยูอิจิโร่ ซาวามุระ และเรียวโกะ มัตซุซากิ เธอและน้องๆ สองคนใช้นามสกุลของแม่เธอตั้งแต่ที่พ่อของพวกเธอ ผู้เป็นกัปตันเรือเสบียงของกองทัพเรือ จากไปในช่วงสงครามเกาหลี เธอเป็นลูกคนเดียวที่ยังคงมีความทรงจำเกี่ยวกับพ่อและเธอก็ชักธงสัญญาณขึ้นทุกวันเพื่อให้พ่อเธอกลับมาอย่างปลอดภัย เธอเป็นนักเรียนปีสองของโรงเรียนมัธยมโคแนน อคาเดมี และนอกเหนือจากการเรียนแล้ว เธอยังมีหน้าที่ดูแลบ้านพักของครอบครัวอีกด้วย เธอพูดและทำตัวเหมือนมีอายุมากกว่า 16 ปี
ผู้กำกับโกโระ มิยาซากิสรุปถึงตัวละครของอุมิว่า “บุไอโซะ” ซึ่งหมายถึง “ห้วน” หรือ “ตรงไปตรงมา” ในภาษาญี่ปุ่น เธอพูดและทำตามที่คิดโดยไม่เสแสร้งเพราะนี่เป็นวิถีปฏิบัติของผู้คนส่วนใหญ่ในยุค 60s มิยาซากิขอให้นักพากย์บทนี้มีอายุมากกว่าตัวละคร การพากย์เหมือนอนิเมหรือน่ารักๆ เป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้
มาซามิ นากาซาวะเป็นนักแสดงหญิงที่มีประสบการณ์การแสดงในจอแก้วและจอเงินมาแล้ว เธอได้รับรางวัลสถาบันภาพยนตร์ญี่ปุ่นสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมในปี 2006 จาก Nada Soso ผู้แข่งขันสำหรับบทนี้ควรจะมีอายุระหว่าง 20-25 แต่การคัดเลือกจะขึ้นอยู่กับการทดสอบการพากย์เสียง
Shun Kazama (ชุน คาซามะ) พากย์เสียงโดย Junichi Okada (จุนอิจิ โอคาดะ)
ชุน คาซามะเป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนมัธยมโคแนน และบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์โรงเรียน Latin Quarter Weekly เขาและมิซุนุมะเป็นแรงขับเคลื่อนของ “ผู้พักอาศัย” ในลาติน ควอเตอร์ คลับเฮาส์และอดีตหอพักนักเรียนชายของโรงเรียน ที่ต่อต้านการทำลายตึกหลังนี้ เขาได้รับการอุปถัมภ์จากครอบครัวคาซามะตั้งแต่เขายังแบเบาะ พ่อของเขา ทาจิบานะตายในสงครามม และแม่ของเขาก็ตายระหว่างให้กำเนิดเขา ซาวามุระ เพื่อนสนิทของทาจิบานะ จดทะเบียนรับชุนเป็นลูกชายของเขาเองในทันที เพื่อไม่ให้เขาถูกส่งตัวไปสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่เขาก็ยกเด็กให้กับครอบครัวคาซามะ ผู้เพิ่งสูญเสียลูกของตัวเองไปในภายหลัง
โกโระ มิยาซากิกล่าวสรุปถึงตัวละครของชุนว่า “บุกิโยะ” หมายถึง “การขาดทักษะ (ทางสังคม)” ยกตัวอย่างเช่น ชุนได้รับบาดเจ็บที่มือหลังจากกระโดดจากตึกแต่ด้วยความที่เขาอยากทำตัวแข็งแกร่งและเท่ ก็เลยบอกว่าเขาโดนแมวข่วนมาตอนที่อุมิถาม เขาเป็นคนจริงจัง ซื่อสัตย์ รักความถูกต้อง ทักษะการเข้าสังคมอะไรที่ชุนขาดไป มิซุนุมะจะมีเหลือเฟือ ทำให้ทั้งคู่เป็นทีมที่เข้าขากันดี
จุนอิจิ โอคาดะเป็นผู้พากย์เสียงอาร์เรน (Tales from Earthsea) นี่เป็นการร่วมงานกันครั้งที่สองระหว่างเขากับจิบลิและผู้กำกับโกโระ มิยาซากิ โอคาดะได้รับเลือกเพราะความสามารถด้านการแสดงและการที่คุณสมบัติเสียงของเขาเข้ากับตัวละครที่เข้มแข็งและมั่นใจของคาซามะ ในเซสชันพากย์เสียง โกโระบอกให้โอคาดะใช้เคน ทาคากุระเป็นแรงบันดาลใจและข้อมูลอ้างอิง แม้ว่าโอคาดะจะมีอายุเข้าเลขสามแล้ว ผู้กำกับก็ต้องการให้นักพากย์บทนี้มีอายุระหว่าง 20-30 ปีและมีเสียงที่แก่กว่าอายุตัวละครคาซามะ จิบลิจะคัดเลือกนักพากย์จากการทดสอบเสียง
Shiro Mizunuma (ชิโระ มิซุนุมะ) พากย์เสียงโดย Shunsuke Kazama (ชุนสุเกะ คาซามะ)
มิซุนุมะเป็นหัวหน้าสภานักเรียนและเป็นสมาชิกของกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ Latin Quarter Weekly ของโรงเรียนโคแนน อคาเดมีด้วย เขาเป็นเพื่อนสนิทของชุน คาซามะ ฮายาโอะ มิยาซากิพูดถึงคาซามะและมิซุนุมะว่าเป็น “หนุ่มสุดเจ๋ง” ผู้เก็บความรู้สึกของตัวเองและไม่เผยความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองง่ายๆ พวกเขาไม่ใช้ศัพท์แสลงสมัยใหม่ แต่กลับพูดจาอย่างเป็นทางการแทน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มิซุนุมะพูดกับผู้อำนวยการโทคุมารุว่า “ท่าน” และมิกิ โฮกุโตะว่า “ด็อคเตอร์โฮกุโตะ”
ชุนสุเกะ คาซามะ (ซึ่งไม่ควรสับสนกับตัวละครในเรื่อง) เป็นนักแสดงญี่ปุ่นผู้พากย์เสียงมิซุนุมะ นักพากย์สำหรับบทนี้จะต้องมีอายุระหว่าง 20-28 ปี เสียงของเขาจะต้องบ่งบอกถึงความเฉลียวฉลาดและความมีมารยาทดี เพราะมิซุนุมะน่าจะมาจากครอบครัวที่มีฐานะ และอาจเป็นเสียงที่ตรงกันข้ามกับเสียงของคาซามะก็ได้ การคัดเลือกจะตัดสินจากการทดสอบเสียง
ประวัติผู้กำกับ
Goro Miyazaki (โกโระ มิยาซากิ)
เกิดในกรุงโตเกียว ในปี 1967 หลังจากสำเร็จการศึกษาสาขาวนศาสตร์จากโรงเรียนกสิกรรมแห่งมหาวิทยาลัยชินชู เขาก็ได้ทำงานเป็นที่ปรึกษาการก่อสร้าง โดยเขามีส่วนร่วมในการวางแผนภูมิทัศน์และออกแบบสวนสาธารณะและโปรเจ็กต์ป่าในเมือง ตั้งแต่ปี 1998 เขาได้รับหน้าที่ออกแบบพิพิธภัณฑ์จิบลิที่มิตาเกะ และทำหน้าที่เป็นกรรมการผู้จัดการของพิพิธภัณฑ์แห่งนั้นตั้งแต่ปี 2001 จนถึงเดือนมิถุนายน ปี 2005 ในปี 2004 เขาได้รับรางวัลการสนับสนุนศิลปะสำหรับศิลปินใหม่ในสาขาของการสนับสนุนศิลปะ จากกระทรวงศึกษาธิการ ผลงานเปิดตัวของเขาในฐานะผู้กำกับคือภาพยนตร์อนิเมชันเรื่อง Tales from Earthsea (2006) ผลงานภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเขา From Up On Poppy Hill เข้าฉายที่ญี่ปุ่นในวันที่ 16 กรกฎาคม ปี 2011