กรุงเทพฯ--21 มี.ค.--IR network
บอร์ด NUSA ประกาศลดทุนจดทะเบียนเพื่อนำทุนจากการลดทุนมาชดเชยส่วนต่ำกว่ามูลค่าหุ้นและผลขาดทุนสะสม โดยลดจำนวนหุ้นในอัตรา 2.52 หุ้นต่อ 1 หุ้น “วิษณุ เทพเจริญ” ระบุเกิดผลดีต่อผู้ถือหุ้น เพราะทำให้ผลขาดทุนสะสมลดลงเหลือเพียง 22.94 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มีประมาณ 193 ล้านบาท เชื่อจากผลประกอบการที่สร้างผลงานได้ดีทุกไตรมาส น่าจะทำให้สามารถล้างขาดทุนสะสมได้หมดภายในปี 2555 และจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นได้เร็วขึ้น พร้อมแจงการประกาศเพิ่มทุน 680.43 ล้านหุ้น วอนอย่าตื่นตระหนกเพราะเป็นเพียง General Mandate ยังไม่ได้เรียกเพิ่มทุนในขณะนี้ แต่ขอไว้เพื่อเป็นเครื่องมือในอนาคตเผื่อต้องใช้ในกรณีเร่งด่วน จะได้ไม่ต้องรบกวนผู้ถือหุ้น และประกาศเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “บมจ.ณุศาศิริ” เพื่อสะท้อนภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้นเกี่ยวกับโครงการอสังหาริมทรัพย์ภายใต้การบริหาร
นายวิษณุ เทพเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อั่งเปา แอสเสท จำกัด (มหาชน) หรือNUSA เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการ ครั้งที่ 3/2555 ได้มีมติอนุมัติการลดทุนจดทะเบียนของบริษัท โดยการตัดหุ้นจดทะเบียนที่ยังมิได้นำออกจำหน่าย จำนวน 2,207,010,211 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท (ซึ่งเป็นหุ้นที่เหลือจากการจัดสรรให้แก่ บริษัท ณุศาศิริ แกรนด์ จำกัด บริษัท เค เอ็ม พี พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทและบุคคลในวงจำกัด) จากทุนจดทะเบียนจำนวน 6,500,000,000 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ จำนวน 4,292,989,789บาท แบ่งออกเป็นหุ้นจำนวน 4,292,989,789 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาทและการแก้ไขเพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธิข้อ 4 ของบริษัท เพื่อให้สอดคล้องกับการลดทุนจดทะเบียน
พร้อมกันนี้ ได้อนุมัติการลดทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้วของบริษัทจากเดิมจำนวน 4,292,989,789 บาท ให้เป็นทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้วจำนวน 1,703,567,377บาท เพื่อนำทุนจากการลดทุนมาชดเชยส่วนต่ำกว่ามูลค่าหุ้นและผลขาดทุนสะสม โดยการลดจำนวนหุ้นสามัญตามสัดส่วนการถือหุ้น ในอัตรา 2.52 หุ้นต่อ 1 หุ้น ทั้งนี้ ในการคำนวณหากมีเศษหุ้น เป็นจำนวนมากกว่าหรือเท่ากับ 0.5 หุ้นให้ปัดขึ้นเป็นจำนวนเต็มและหากจำนวนน้อยกว่า 0.5 หุ้นให้ปัดทิ้ง
อย่างไรก็ตาม หากจำนวนหุ้นหลังการลดทุนมีจำนวนน้อยกว่าหรือมากกว่าจำนวน 1,703,567,377 หุ้นให้ดำเนินการเพิ่มหรือลดจำนวนหุ้นของ นายวิษณุ เทพเจริญ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท เพื่อให้ทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้วของบริษัทมีจำนวนครบตามจำนวนดังกล่าว ดังนั้นภายหลังการลดทุนบริษัทจะคงเหลือผลขาดทุนสะสมจำนวน 22,938,920.83 บาท (คำนวณจากงบการเงินสำหรับรอบปีบัญชีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2554)
“การดำเนินการดังกล่าวเชื่อว่าจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นทุกคน เพราะทำให้สัดส่วนของขาดทุนสะสมลงมาก โดยจะลดลงเหลือเพียง 22.94 ล้านบาทเท่านั้น จากสิ้นปี 2554 ที่มีขาดทุนสะสมอยู่ 193.11 ล้านบาท และหากประเมินจากผลประกอบการที่ NUSA ทำได้ดีอย่างต่อเนื่องทุกไตรมาส เชื่อว่าในปี 2555 น่าจะสามารถล้างขาดทุนสะสมได้หมดและเป็นโอกาสของผู้ถือหุ้น NUSA ที่มีโอกาสจะได้รับเงินปันผลได้เร็วยิ่งขึ้น”
เขากล่าวต่อถึงกรณีที่ผู้ถือหุ้นกังวลเรื่องที่จำนวนหุ้นลดลงจะทำให้มูลค่าหุ้นที่ถืออยู่ลดลงไปด้วยนั้น แท้จริงแล้วมูลค่าหุ้นจะปรับตัวเพิ่มขึ้นตามอัตราส่วนที่ลดจำนวนหุ้นลง กล่าวคือ ราคาหุ้นหลังจากลดจำนวนหุ้นลงจะเท่ากับราคาตลาด ณ วันปิด x 2.52 (อัตราส่วนที่ใช้ลดจำนวนหุ้น) ซึ่งหากนำมาคุณกับจำนวนหุ้นแล้ว มูลค่าของหุ้นก่อนและหลังลดจำนวนหุ้น จะไม่แตกต่างกันแต่ แต่อย่างใด
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทอีกจำนวน 680,432,623 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 680,432,623 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เพื่อรองรับการเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป ( General Mandate) โดยจะแบ่งจัดสรรให้หุ้นเพิ่มทุนจำนวน 510,432,623 หุ้น เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น และแบ่งอีกส่วนจำนวน 170,000,000หุ้น จัดสรรเพื่อเสนอขายบุคคลในวงจำกัด พร้อมกันนี้ได้มีมติอนุมัติเปลี่ยนชื่อบริษัทจาก “บริษัท อั่งเปา แอสเสท จำกัด (มหาชน)” เป็น “บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน)” ด้วย
นายวิษณุ กล่าวถึงประเด็นการเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป หรือที่เรียกว่า General Mandate จำนวน 680.43 ล้านหุ้นว่า ขอให้ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนอย่าเพิ่งวิตกกังวลเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เนื่องจากเป็นเพียงการขอมติจากผู้ถือหุ้นเอาไว้ก่อนเท่านั้น ยังไม่มีการเรียกหรือขายหุ้นเพิ่มทุนในช่วงเวลานี้แต่อย่างใด
“การเพิ่มทุนแบบ General Mandate เป็นเพียงการขอมติเอาไว้ก่อน เรียกว่าเป็นการเตรียมความพร้อมเอาไว้เผื่อว่าในอนาคตบริษัทมีแผนที่จะใช้ลงทุนหรือมีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินก็จะได้ไม่ต้องรบกวนผู้ถือหุ้นหลายครั้ง และบริษัทเองก็มีควมคล่องตัวในการบริหารเครื่องมือทางการเงินของบริษัทเองด้วย พร้อมกันนี้ได้มีการขอเปลี่ยนชื่อเป็น ณุศาศิริ ด้วย ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้สะท้อนภาพลักษณ์ในด้านชื่อเสียงของบริษัทและโครงการอสังหาริมทรัพย์ภายใต้การบริหารของ NUSA มีความเด่นชัดมากยิ่งขึ้น” นายวิษณุ เทพเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อั่งเปา แอสเสท กล่าวในที่สุด
สำหรับผลประกอบการในรอบปี 2554 ที่ผ่านมา NUSA ยังคงสร้างผลประกอบการที่ดีอย่างต่อเนื่องได้อีกโดยมีรายได้รวม 788.36 ล้านบาท กำไรสุทธิ 56.36 ล้านบาท และที่สำคัญอัตราส่วนทางการเงินในด้านต่างๆก็ปรับตัวดีขึ้นไม่ว่าจะเป็นค่า D/E Ratio ในปีนี้ซึ่งอยู่ที่ระดับ 0.86 ดีขึ้นจาก ปีก่อนหน้าและต้นทุนขายที่มีการบริหารต้นทุนขายดีกว่าปีที่ผ่านมา