กรุงเทพฯ--21 มี.ค.--เดอะ เวย์ คอมมิวนิเคชั่น
“ดีแพค อินเตอร์ คอร์ปอเรชั่น” ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์ ฟิล์มและถุงพลาสติกรายใหญ่ของประเทศภายใต้แบรนด์ HERO และ D ระบุราคาเม็ดพลาสติกซึ่งเป็นวัตถุดิบการผลิตหลักปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 5% ขยับตามราคาน้ำมันดิบ ยันบริษัทฯ ยังไม่รับผลกระทบ เพราะบริหารต้นทุนโดยสั่งซื้อสินค้าจากซัพพลายเออร์ทั่วโลก ทำให้ควบคุมราคาได้ในระดับต่ำกว่าตลาด เผยระยะสั้นไม่มีนโยบายปรับราคาสินค้าทุกประเภท ส่งซิกไตรมาส 1/2555 ยอดขายโตตามเป้า มั่นใจทั้งปีแตะ 1,000 ล้านบาท
นายทวี จุลศักดิ์ศรีสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีแพค อินเตอร์ คอรฺ์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์ ฟิล์มและถุงพลาสติก อาทิ ถุงดำ ถุงถนอมอาหาร รายใหญ่ของประเทศภายใต้แบรนด์ ‘HERO’ และ ‘D’ เปิดเผยว่า ในภาวะราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากความกังวลปัญหาความขัดแย้งเรื่องโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านกับชาติตะวันตก ซึ่งยังไม่มีแนวโน้มว่าจะได้ข้อยุติ และยังมีปัญหาโรงกลั่นในสหรัฐอเมริกา มีผลทำให้ราคาน้ำมันดิบในขณะนี้ยังคงปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง และส่งผลทำให้ปัจจุบันราคาเม็ดพลาสติก ซึ่งเป็นวัตถุดิบการผลิตหลักปรับตัวเพิ่มขึ้นมากว่า 5% แล้ว
อย่างไรก็ดี สำหรับดีแพคฯ แล้วการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาวัตถุดิบในระยะสั้นนี้ยังไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากบริษัทฯ มีการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีโดยมีการสั่งซื้อวัตถุดิบเป็นล็อตใหญ่ รวมถึงมีการกระจายคำสั่งซื้อจากซัพพลายเออร์หลายรายจากทั่วโลก ส่งผลทำให้บริษัทฯ สามารถควบคลุมราคาเม็ดพลาสติกให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและมีราคาเฉลี่ยที่ต่ำกว่าตลาด
"ผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงราคาเม็ดพลาสติกที่เริ่มขยับราคาขึ้นตามราคาน้ำมัน ในขณะนี้เรายังไม่มีผลกระทบ เพราะเรามีสต็อกสินค้าราคาต่ำที่มากพอ และปกติแล้วเราจะกระจายความเสี่ยง โดยการสั่งซื้อวัตถุดิบจากซัพพลายเออร์หลายรายทั่วโลก ทำให้สามารถต่อรองราคากับซัพพลายเออร์และทำให้ได้ราคาที่ดีเฉลี่ยต่ำกว่าราคาในตลาดอยู่แล้ว ซึ่งระยะสั้นนี้เรายังควบคลุมต้นทุนได้ และเรายืนยันว่าในระยะสั้นนี้ยังไม่มีนโยบายปรับขึ้นราคาสินค้าทุกประเภท"
นายทวี กล่าวว่า สำหรับแนวโน้นผลประกอบการในไตรมาส 1/2555 ยังคงเติบโตได้ตามเป้าหมายและคาดทั้งปีนี้จะมียอดขายเพิ่มขึ้นแตะระดับ 1,000 ล้านบาท โดยยอดขายจากการส่งออกในประเทศแถบเพื่อนบ้านคงปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก ประกอบกับในปีนี้บริษัทฯ ได้มีการจัดกิจกรรมการตลาดแบบใหม่ที่ได้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น โดยการออกบูธแนะนำสินค้าในอาคารสำนักงานชั้นนำในย่านธุรกิจ อาทิ ย่านสีลม อโศก และวิภาวดี รวมกว่า 10 แห่ง เช่นอาคารเสริมมิตร เอ็มไพร์ทาวเวอร์ อาคารแกรมมี่ ทั้งนี้มีแผนที่จะทำการตลาดผ่านอาคารสำนักงานจนถึงกลางเดือนพฤษภาคมนี้ให้ครอบคลุม 30 อาคารสำนักงานชื่อดังทั่วกรุงเทพฯ