กรุงเทพฯ--22 มี.ค.--โมโน กรุ๊ป
“โมโน กรุ๊ป” สบช่องขยายธุรกิจ เปิดทางนำแอพพลิเคชั่นลงสนาม หลังส่ง “Horolive” บริการดูดวงผ่าน Application ออกมาชิมลางก่อนหน้านี้ ล่าสุดส่งพระเอกหน้าใหม่ “Monolive” มาเอาใจคนชอบแชท หวังเบียด “WhatsApp” แย้มเปิดตัวเพียง 1 เดือน มียอดดาวน์โหลดและลงทะเบียนใช้งานแล้วเกือบ 2 แสนคน และขึ้นแท่นอันดับ 1 แอพพลิเคชั่นที่มีผู้ดาวน์โหลดมากที่สุดในขณะนี้
นายนวมินทร์ ประสพเนตร ผู้ช่วยประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท โมโน เทคโนโลยี จำกัด เปิดเผยว่า “ปัจจุบัน Application บนมือถือ ถือว่าได้รับความนิยมเป็นอย่างมากและมีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว ควบคู่ไปกับสมาร์ทโฟนที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเห็นได้ในเขตกทม.และหัวเมืองใหญ่ๆ มีผู้ใช้สมาร์ทโฟนกว่า 50.4% โดยส่วนใหญ่ผู้ที่มีการถือครองสมาร์ทโฟนจะเป็นนักเรียน,นักศึกษาและคนวัยทำงาน โดยในปี 54 ที่ผ่านมา ตลาดสมาร์ทโฟนมีมูลค่าประมาณ 30,000 กว่าล้านบาท ขยายตัว 30-40% ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ตลาดแอพพลิเคชั่นเองมีอัตราเติบโตควบคู่กันไปด้วย
ด้วยตัวเลขที่มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว ในปีที่ผ่านมาบริษัทเราได้ผลิตแอพพลิเคชั่นต่างๆ ออกมารองรับระบบโทรศัพท์ที่เป็นสมาร์ทโฟน อาทิ “Horolive” แอพเพื่อการทำนายดวงชะตาหรือดูดวง ซึ่งมีหมอชื่อดัง อาทิ หมออ้าย หมอคฑา ซึ่งจะสร้างความสะดวกสบายในการดูดวงให้กับผู้ต้องการ ซึ่งเหมาะกับคนไทยเป็นอย่างมาก ด้วยค่าบริการเพียง 30 บาท / เดือน “Mthai” เป็นแอพที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการอัพเดทข่าวสารในทุกวงการ “Bat jumper” เป็นแอพเกมที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัยและสามารถฝึกสมองในขณะเล่นเกมส์ได้ด้วย และเกมส์น้องใหม่ “Tap the Bird” ซึ่งเป็นเกมเกี่ยวกับศัพท์ภาษาอังกฤษ ที่จะสามารถช่วยเสริมทักษะด้านภาษาได้อีกด้วย โดยทั้งหมดได้รับฟีดแบ็คอย่างดีเยี่ยม
ล่าสุดกับ “Monolive” ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นที่เราตั้งใจพัฒนาขึ้น เพื่อเป็นโปรแกรมการแชทของคนไทยในระบบปฏิบัติการสมาร์ทโฟน ซึ่งโปรแกรมนี้ผู้ใช้จะสามารถพูดคุย สื่อสาร ส่งข้อความฟรี ซึ่งปัจจุบันมียอดการดาวน์โหลดและลงทะเบียนใช้งานกว่า 200,000 คน หลังเปิดตัวเพียง 4 สัปดาห์ และยังมียอดดาวน์โหลดขึ้นเป็นอันดับ 1 ในขณะนี้ โดยความพิเศษของ “Monolive” คือจะเป็นแอพที่รวบเอาข้อดีของทุกแอพแชทมาอยู่ที่จุดเดียว ไม่ว่าจะเป็นของ WhatApp Line หรือ BBM อาทิ บัดดี้สเตตัส การส่งไฟล์วีดีโอและเสียงพูด จึงทำให้ขณะนี้มีสมาชิกแล้วกว่า 200,000 คน และคาดว่าจะมีถึง 2, 000,000 คนภายในปีนี้ ทั้งนี้เราได้เตรียมพร้อมระบบเพื่อรองรับให้ผู้ใช้งานได้ทั่วโลก โดยจะเน้นตลาดที่บริษัทมีสาขาอยู่แล้ว เช่น อินโดนีเซีย เกาหลี และในประเทศที่เรากำลังจะเปิดสาขาในอนาคต ได้แก่ เวียดนามและรัสเซีย
ในส่วนของการลงทุนอาจจะไม่ได้ลงในตัวเลขมากนัก แต่ก็เตรียมพร้อมที่จะลงทุนในระบบเพื่อรองรับกับผู้ใช้งานจำนวนมหาศาล และคงต้องเน้นเรื่องของการพัฒนาฟีเจอร์และฟังค์ชั่นให้ดียิ่งๆขึ้นไป และก็ต้องแข่งกับเจ้าของแอพพลิเคชั่นที่มีอยู่ทั่วโลกเช่นกัน ฉะนั้นสิ่งที่จะวัดความสำร็จได้ คือ การสร้างแอพให้โดดเด่นถูกใจผู้บริโภคให้มากที่สุด
ปัจจุบันโมโนกรุ๊ปถือเป็นผู้ให้บริการคอนเทนต์บนมือถือเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย อีกทั้งยังมีศักยภาพในการผลิตและพัฒนาคอนเทนต์ในทุกรูปแบบ จึงมองว่ายังมีโอกาสทางธุรกิจอยู่อีกมากในการที่จะขยายตลาดด้านนี้ให้กว้างมากขึ้น ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ” นายนวมินทร์ กล่าวทิ้งท้าย