สรุปราคาซื้อขายทองคำและGold Futures ภายในประเทศ ณ วันพฤหัสบดีที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2555 เวลา 09.00 น.

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday March 22, 2012 10:43 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--22 มี.ค.--เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ ทิศทางราคาทองคำ ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,654 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,653 เหรียญ/ออนซ์ ค่าเงินบาทปิด 30.78 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 24,050 บาท กับ 24,150 บาท และกลับมาปิดที่ 24,050 บาท กับ 24,150 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาท อยู่ที่ 2,442 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 6,386 คู่สัญญา และ Silver Futures อยู่ที่ 60 คู่สัญญา ปริมาณการซื้อขาย Open Interest แบบ 50 บาท ลดลง 0.87% แบบ 10 บาท ลดลง 0.91% Silver Futures เพิ่มขึ้น 4.28% GFJ12 ปิดที่ 24,330 บาท เและ GFM12 ปิดที่ 24,530บาท และ GF10J12 ปิดที่ 24,330 บาท และ GF10M12 ปิดที่ 24,530 บาท และ SVJ12 ปิดที่ 999 บาท สัญญา Comex ปิดเพิ่มขึ้น 3.3 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1650.3 ดอลลาร์/ออนซ์ Silver ปิดเพิ่มขึ้น 39.3 เซนต์ ปิดที่ระดับ 32.23 ดอลลาร์/ออนซ์ SPDR ถือครองทองคำที่ 1,290.24 ตัน (เท่าเดิม) น้ำมัน NYMEX ปิดเพิ่มขึ้น 1.20 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 107.27 ดอลลาร์/บาร์เรล ดาวโจนส์ปิดลดลง 2.63 จุด ปิดที่ระดับ 13,124.62 จุด Ratio Gold / Silver เท่ากับ 51.2 ต่อ 1 ข่าวที่สำคัญ - สถาบัน RWI ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจชื่อดังของเยอรมนี ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจปีนี้เกือบสองเท่า เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกดีขึ้น ขณะที่ตลาดการเงินทั่วโลกก็มีเสถียรภาพมากขึ้น โดย RWI คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจเยอรมนีจะขยายตัว 1.0% ในปีนี้ จากที่คาดการณ์ว่าจะขยายตัวเพียง 0.6% เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว RWI ระบุว่า เศรษฐกิจเยอรมนีจะค่อนข้างซบเซาในช่วงครึ่งปีแรก เพราะอุปสงค์จากประเทศคู่ค้าในยุโรปลดลงอันเป็นผลมาจากวิกฤตหนี้ แต่หลังจากนั้นเศรษฐกิจจะเริ่มดีขึ้น จนอาจขยายตัวถึง 2.0% ในปีหน้า - ทางการสหรัฐอเมริกา ได้ออกมาประกาศยกเว้นมาตรการคว่ำบาตรการเงินประเทศญี่ปุ่น และอีก 10 ชาติในสหภาพยุโรป หรืออียู ได้แก่ เบลเยียม อังกฤษ สาธารณรัฐเช็ก ฝรั่งเศส เยอรมนี กรีซ อิตาลี เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ และสเปน ทั้งที่ยังนำเข้านำมันดิบจากอิหร่านอยู่ เนื่องจากทั้ง 11 ประเทศได้มีการลดการนำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่านลงอย่างมาก จึงรอดจากการถูกตัดออกจากระบบการเงิน ขณะที่ ลูกค้าน้ำมันดิบรายใหญ่ของอิหร่าน อย่าง จีน และ อินเดีย มีโอกาสถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตรการเงินสูงมาก - สื่อในอังกฤษ รายงานว่า นายจอร์จ ออสบอร์น รัฐมนตรีคลังของอังกฤษ กำลังตกที่นั่งลำบาก เพราะมีกำหนดต้องแจกแจงรายละเอียดงบประมาณประจำปีต่อรัฐสภา แต่ล่าสุดกลับมีรายงานว่า รัฐบาลอังกฤษกู้ยืมเงินมากเกินคาดในเดือนกุมภาพันธ์ ทั้งนี้ ยอดกู้ยืมเงินสุทธิของภาครัฐอยู่ที่ 1.52 หมื่นล้านปอนด์ (2.414 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เมื่อเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ของปีก่อน และสูงกว่าที่คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 8 พันล้านปอนด์เท่านั้น - นายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าวต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐว่า สหรัฐไม่มีความตั้งใจ ที่จะหาแหล่งทุนเพิ่มเติมให้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เพราะว่า ไอเอ็มเอฟมีแหล่งทุนทรัพย์ที่จำเป็นเพียงพออยู่แล้วในขณะนี้ อีกทั้ง ยังมีความสามารถระดมทุนชั่วคราวได้หากจำเป็น ดังเช่นที่เคยแสดงให้เห็นแล้วในอดีต เพื่อช่วยควบคุมความเสียหายที่อาจรุนแรงขึ้นจากวิกฤติในยุโรป "ด้วยเหตุผลดังกล่าว สหรัฐ จึงไม่มีความตั้งใจที่จะหาแหล่งทุนทรัพย์เพิ่มเติมให้กับไอเอ็มเอฟ" - ค่าเงินยูโรอ่อนตัวลง 0.07% แตะที่ 1.3215 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3224 ดอลลาร์สหรัฐ ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสเปนพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือนที่ 5.40% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอิตาลีเพิ่มขึ้นสู่ 5.0% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ ซึ่งสะท้อนถึงความวิตกกังวลของนักลงทุนและยังได้ฉุดสกุลเงินยูโรร่วงลงด้วย - สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ รายงานว่า ยอดขายบ้านมือสองลดลงผิดคาดในเดือนกุมภาพันธ์ ขณะที่สต็อกบ้านในตลาดเพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นว่าตลาดที่อยู่อาศัยต้องเผชิญกับการฟื้นตัวที่ยากลำบาก ยอดขายบ้านมือสองในสหรัฐลดลง 0.9% แตะ 4.59 ล้านยูนิตในเดือนกุมภาพันธ์ สวนทางกับที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นแตะ 4.62 ล้านยูนิต - สัญญาน้ำมันดิบที่ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (21 มี.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบร่วงลงเกินคาดในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งทำให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะชะลอตัวของอุปสงค์พลังงาน โดยสต๊อกน้ำมันดิบสำรองในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 16 มีนาคม ลดลง 1.2 ล้านบาร์เรล สวนทางกลับที่นักวิเคราะห์คาดหมายว่าจะเพิ่มขึ้นราว 2.4 ล้านบาร์เรล บ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่ยังแข็งแกร่งของสหรัฐ ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญเมื่อคืน - Existing Home Sales ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 4.57M คาดการณ์ว่าจะออกมาเพิ่มขึ้นที่ระดับ 4.61M ตัวเลขจริงปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.59M - Crude Oil Inventories ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 1.8M คาดการณ์ว่าจะออกมาเพิ่มขึ้นที่ระดับ 2.4M ตัวเลขจริงปรับตัวลดลงที่ระดับ -1.2M ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญวันนี้ - Unemployment Claims ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 351K คาดการณ์ว่าจะออกมาเพิ่มขึ้นที่ระดับ 353K วิเคราะห์ทางเทคนิค Gold — ราคาทองคำยังเคลื่อนตัวในทิศทาง Sideway ตามที่ได้วิเคราะห์ก่อนหน้านี้แล้ว ทำให้ในภาพรวมยังเคลื่อนตัวในกรอบ 1645 - 1660 เหรียญ กลยุทธ์ในการซื้อขายในตลาด Sideway คือ ซื้อบริเวณแนวรับและขายบริเวณแนวต้าน ตัวนี้จะทำกำไรได้ไม่มากนักเหมาะสำหรับนักลงทุนที่เป็นระยะสั้นมาก เป็น Intraday trade หรือที่เรียกว่า Swing trade นั่นเอง สำหรับนักลงทุนที่เป็น Weekly Trade หรือนักลงทุนระยะยาวในช่วงนี้คงไม่ได้ทำอะไร แนวต้านสำคัญของทองคำอยู่ที่ระดับ 1665 เหรียญ แนวรับสำคัญอยู่ที่ระดับ 1635 เหรียญ ทางMTS Gold คาดว่าราคาน่าจะขยับตัวเข้ามาซักระยะหนึ่งและจะมีการBreak Out ในอาทิตหน้าโดยประมาณ ยังหา Pattern ของกราฟได้ไม่ชัดเจนนัก ในขณะที่แนวโน้มราคาทองคำในลักษณะ Day Chart และ Weekly Chart ยังเป็นแนวโน้มขาลง โดยเส้นค่าเฉลี่ยต่างๆ เริ่มกดต่ำและบีบตัวเข้ามา แนวโน้มหลักกำลังกลับตัวมาอยู่ที่ 1710 เหรียญ ซึ่งเป็นแนวต้านสำคัญของนักลงทุน Day Chart Gold Futures J12 จะมีแนวรับที่ระดับ 24,270 บาท และแนวต้านที่ระดับ 24,500 บาท Gold Futures M12 จะมีแนวรับที่ระดับ 24,450 บาท และแนวต้านที่ระดับ 24,670 บาท Silver Futures J12 จะมีแนวรับที่ระดับ 970 บาท และแนวต้านที่ระดับ 1,020 บาท คำแนะนำ สำหรับนักลงทุนระยะรายวัน (Daily Trade) เก็งกำไรในภาวะการณ์แกว่งตัวในกรอบแคบๆ ดังกล่าว ระหว่าง 1645 — 1660 เหรียญ นักลงทุนรายสัปดาห์ (Weekly Trade) ยังเป็นลักษณะของการรักษา Port ประมาณ 20% นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง ยังรอความชัดเจนของทิศทาง คง Port ประมาณ 20%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ