กรุงเทพฯ--22 มี.ค.--Public Hit
เป็นที่รับรู้ในหมู่เพื่อนสนิทมิตรสหายมาตลอดว่า หนู-เบญญา นันทขว้าง แห่ง ไวท์ คาเฟ่ (White Cafe) ร้านอาหารและเคเทอริ่งอร่อยล้ำ ที่มีฝีมือเป็นเลิศในการทำอาหารสไตล์ของตนเองที่ทำให้หลายคนติดใจกับความอร่อยของเมนูต่างๆ ด้วยเหตุนี้ครัวที่บ้านของเธอจึงกลายเป็นแหล่งปาร์ตี้ที่มีผู้แวะมาเยือนมิได้ขาด เวลานี้เสน่ห์ปลายจวักของแม่ครัวคนเก่งพร้อมที่จะถ่ายทอดไปสู่ผู้ที่รักการทำอาหารทั้งหลายแล้ว เมื่อเธอได้เขียนตำราอาหารเล่มแรกในชีวิตที่มีชื่อว่า “มู้ดส์ (Moods)” ด้วยเนื้อหาที่มีรสชาติแตกต่างออกไปจากหนังสือเล่มอื่นเพราะเป็น คุ้กบุ๊ค (cook book) ที่ผสานด้วยงานศิลปะที่มอบความอิ่มตาอิ่มใจ ทั้งรูป และเรื่องราวของบุคคลต่างๆ ภายในเล่ม โดยเปิดตัวให้ทุกคนที่ชื่นชอบเรื่องอาหาร ไม่ว่าจะเป็นผู้ทำ หรือผู้ทาน ได้ทำความรู้จักกันแล้ว ณ ไวท์ คาเฟ่ ในธีมปาร์ตี้เบาๆ สบายๆ แต่สนุกแบบเป็นกันเองตั้งแต่หัวค่ำยันเที่ยงคืน เมื่อวันก่อน
“Moods” ตำราอาหาร โดย เบญญา นันทขว้าง สิบบท สิบอารมณ์ กับแขกรับเชิญสิบคนกับสองบรรณาธิการ พลอย จริยะเวช และ กาจบดินทร์ สุดลาภา เขียนจาก 25 ปีของการเรียนรู้ด้วยตัวเอง โดยเชิญแขกรับเชิญคนสนิทมาร่วมเป็นแรงบันดาลใจในหนังสือเล่มนี้ เพื่อสร้างสรรค์เมนูที่เหมาะสำหรับแต่ละบุคคล ซึ่งล้วนเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในสาขาอาชีพการงาน และมีคาแร็กเตอร์เฉพาะไม่ซ้ำแบบใคร ได้แก่ ณัฐ ประกอบสันติสุข, สมบัษร ถิระสาโรช, ดวงฤทธิ์ บุนนาค, เกล้ามาศ ยิบอินซอย, พลพัฒน์ อัศวะประภา, วศินบุรี สุพานิชวรภาชน์, พชร สมุทวณิช, อินทิรา เจริญปุระ, จีน กษิดิษ, พี่น้องสองสาว เมนาท และ เลื่อมประภัสสร นันทขว้าง
หนู-เบญญา นันทขว้าง เจ้าของผลงาน มู้ดส์ กล่าวว่าเนื้อหาของหนังสือเป็นการสะสมประสบการณ์ 25 ปีของการเรียนรู้ด้วยตัวเอง ที่ทำให้ก้าวมาถึงวันนี้ได้ เวลาอธิบายวิธีทำ หรือ เครื่องปรุง ก็จะเขียนด้วยการนึกถึงตอนที่ตัวเองไม่รู้เรื่องอะไรเลย ดังนั้นคนที่เก่งๆ มาอ่าน อาจรำคาญได้ หนังสือเล่มนี้จึงไม่เหมาะกับยอดฝีมือ และผู้ที่ยึดติดกับหลักการ แต่เหมาะกับคนที่รักสนุก โดยเฉพาะคนที่อยากสนุกอยู่ในครัว ส่วนรูปแบบของหนังสือก็ไม่เหมือนกับคุ้กบุ๊คทั่วไป เพราะมีพี่ เพื่อนและน้องที่รู้จัก มาเป็นแขกรับเชิญในหนังสือเล่มนี้ โดยเธอเป็นคนเลือกเมนูอาหาร และเซ็ทโต๊ะ ให้เหมาะกับมู้ดและตัวตนของแต่ะละคน
“การทำอาหารเป็นเรื่องของความชอบส่วนตัว ไม่มีถูกไม่มีผิด ถ้าชอบแบบไหนก็ขอให้เชื่อตัวเองแล้วทำตามนั้น อย่าเกรงใจคนอื่น ดิฉันเกิดในครอบครัวที่ทุกคนชอบทำอาหารจึงเข้าครัวเป็นประจำ ทุกวันอาทิตย์จะมีคนรู้จักแวะเวียนมาเยี่ยมที่บ้านตลอด เพราะรู้ว่าบ้านนี้มีของอร่อยให้กินเสมอ โดยเฉพาะเพื่อนของแม่จะเป็นทั้งนักชิมและนักวิจารณ์ แต่ละคนก็มีสูตรเด็ดของตัวเอง ถึงตอนนั้นเราจะทำกับข้าวไม่ค่อยเป็นแต่ก็จะมีบางอย่างฝังลึกในความทรงจำ เช่น ตำน้ำพริกกะปิให้ใส่กระเทียม แล้วปิ้งกะปิห่อใบตองให้หอมด้วย, พริกขี้หนูให้ติดก้านไว้บ้าง ตำน้ำพริกจะหอมขึ้น, ต้มปลาต้องรอให้น้ำเดือดก่อนเดี๋ยวจะคาว หรือถ้าผัดผักให้ใส่เกลือ จะได้เขียวสวย สิ่งที่นำเสนอในหนังสือจึงเป็นเรื่องสนุกมากสำหรับดิฉัน เป็นแนวทางให้คนอ่านรู้ว่า อาหารนั้นดัดแปลงได้สนุกหลายมู้ด หลากอารมณ์ ตราบที่จินตนาการยังไม่สิ้นสุด ”
ด้วยความที่เป็นคนมีเพื่อนมากมายหลายกลุ่ม การเปิดตัวหนังสือในครั้งนี้ ทำให้เจ้าของผลงานเหนื่อยไม่น้อย เพราะมีผู้มาร่วมแสดงความยินดีจนแน่นร้าน จึงต้องทำหน้าที่ทั้งต้อนรับแขกและเซ็นหนังสือไปพร้อมกัน โดยมีแขกรับเชิญที่มีส่วนร่วมอยู่ในหนังสือ มู้ดส์ มาสร้างสีสันในงานด้วยหลายคน เช่น สมบัษร ถิระสาโรช, ดวงฤทธิ์ บุนนาค, เกล้ามาศ ยิบอินซอย, พลพัฒน์ อัศวประภา, สมุทวณิช, ทราย เจริญปุระ, เมนาท และ เลื่อมประภัสสร นันทขว้าง นอกจากนี้ หนู-เบญญา ยังสร้างสรรค์เมนูอร่อยที่อยู่ในหนังสือ ไว้เสิร์ฟแขกในงานด้วย อาทิ หมึกกระตอยผัดใบยี่หร่า สลัดผักย่างกับน้ำสลัดบัลซามิกอันโชวี่ ขนมจีนน้ำเงี้ยว ปลาแห้งแตงโม เบอร์เกอร์หมูครีมชีส ลาบซี่โครงหมูอ่อน ดิปเนื้อปู บิสกิตน้ำ ทาโก้ไก่-เนื้อ
พลอย จริยะเวช ผู้ที่มีบทบาทสำคัญในฐานะที่เป็นบรรณาธิการให้กับหนังสือ มู้ดส์ ร่วมกับ กาจบดินทร์ สุดลาภา ทั้งยังเป็นผู้คิดคอนเซ็ปต์ทั้งหมด โดยนำมาจากไลฟ์สไตล์ของผู้เขียนที่รู้จักคนเยอะ เป็นคนทำอาหารที่มีเสน่ห์ พลิกแพลงได้ทุกอย่าง ทำได้จริง และสอนคนที่ทำอาหารไม่เป็นให้สามารถทำได้ มาเป็นเนื้อหาสำคัญทำให้ มู้ดส์ มีความน่าสนใจต่างจากตำราอาหารทั่วไปบนแผงหนังสือ
“บ้านของพี่หนูเหมือนเป็น open house มีเพื่อนหลากหลายกลุ่ม พี่หนูเป็นคนเดียวที่สามารถทำอาหารมาแสดงได้ถึงทุกอารมณ์ เราจึงมาคุยกันว่าหนังสือเล่มนี้จะมีอารมณ์ไหนบ้าง และใครที่พี่หนูคิดว่าอยากเชิญมาแขกเพื่อร่วมพูดคุยถึงอารมณ์นั้นๆ มู้ดส์ จึงเป็นมากกว่าตำราอาหารเพราะมีเรื่องราวของแขกรับเชิญด้วย พี่หนูเป็นคนเขียนหนังสือดีมาก มีความกระชับ มีอารมณ์สมกับชื่อหนังสือ ทุกมู้ดจะมีการสื่อถึงบุคลิกของแขกรักเชิญได้ดี เช่น ทราย เจริญปุระ จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับความโกรธ คือคนที่อยู่ในอารมณ์ของความรัก หรือ อกหัก อาหารสำหรับอารมณ์นี้จะมีความแซ่บ สีจัด ส่วนของ พี่เพชร (พชร สมุทวณิช) เป็นอารมณ์แบบแฮปปี้ ก็เป็นอาหารแบบคอมฟอร์ตฟู้ด ง่ายๆ สบายๆ กินแล้วมีความสุข หรืออย่างคุณติ้ว — วศินบุรี สุพานิชวรภาชน์ อาหารจะดูอลังการมากมี ล็อบสเตอร์ ด้วย เรายกกองไปถ่ายกันที่เตาเผาเก่าที่ราชบุรี อายุกว่า 80 ปี กันเลย
“มู้ดส์ เป็นตำราอาหารที่ถึงพร้อมที่สุดในด้านการใช้ชีวิต พี่หนูบอกข้อมูลงไปครบทุกด้าน ทั้งเรื่องเพลงที่เกี่ยวกับมู้ดนั้นๆ การจัดพร็อพ จัดเซ็ต การจัดโต๊ะ สูตรอาหาร เป็นตำราอาหารที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบมาก มีเกร็ดความรู้ทุกอย่างสามารถนำไปใช้ได้จริง” บก.คนเก่ง กล่าว
แขกรับเชิญคนสำคัญ ที่มีประสบการณ์ชีวิตร่วมกันมาตั้งแต่เกิดอย่าง เมนาท นันทขว้าง ในฐานะพี่สาวคนโตของครอบครัว เผยว่า ด้วยความที่คุณแม่ของเธอ (สุวรรณี สุคนธ์เที่ยง หรือ สุวรรณี สุคนธา นักเขียนชื่อดัง) ชอบทำอาหารมาก ทำให้คนในครอบครัวได้รับการปลูกฝังในเรื่องนี้มาตลอด เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดหนังสือเล่มนี้ขึ้น
“หนูเป็นคนที่ชอบคิดอะไรที่สร้างสรรค์อยู่ตลอดเวลา คิดในทุกเรื่องไม่ใช่แค่เฉพาะอาหารเท่านั้น เป็นสิ่งที่เรารู้สึกประทับใจในความสามารถของน้องสาวคนนี้ และการที่เราเป็นส่วนหนึ่งในหนังสือมู้ดส์ เรียกว่าเป็น Family Day ได้เลยเพราะเมนูต่างๆ ที่หนูเลือกมาทำให้ เป็นเมนูที่เราอยากทานในวันนั้นพอดี เวลาอยากกินอะไรก็บอกกัน ก็จะมี ผักโขมไส้มอซซาเรลล่าทอด, ซูกินีอบไส้ไก่, มะเขือม่วงอบไส้เนยแข็งฮาลูมี, ทาจีนไก่แบบดัดแปลง เสิร์ฟกับริช็อตโต้หญ้าฝรั่น, ชีสซูเฟล่, เนื้อเซอร์ลอยน์ย่างกับผักจิ้มแจ่ว และผักย่างน้ำมันมะกอก, ละมุดไส้เยลลี่แดง
ความน่าสนใจของหนังสือมู้ดส์ อยู่ที่การเลือกแขกรับเชิญ เป็นคนที่มีสไตล์ เวลาทำอาหารสำหรับคนนั้นๆ ก็จะเลือกไปสถานที่ในมู้ดที่ต่างกัน ทำให้เห็นการแต่งบ้าน การจัดโต๊ะอาหาร และการใช้ชีวิตของคนเหล่านั้นด้วย” ดีไซเนอร์และผู้ก่อตั้งแบรนด์ Soda กล่าว
ทางด้านเพื่อนสนิทอย่าง เกล้ามาศ ยิบอินซอย เผยว่า ปกติก็ชอบทานอาหารที่เพื่อนรักทำให้ทานอยู่แล้ว จึงดีใจที่ได้มีส่วนร่วมอยู่ในหนังสือเล่มนี้
“หนูเป็นเพื่อนที่ดีเสมอมา ถึงแม้เราจะไม่ค่อยได้เจอกันบ่อยแต่ทุกครั้งที่จะต้องทำอะไรร่วมกันเขาจะนึกถึงเราตลอด อย่างที่ทำหนังสือเล่มนี้ ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไร บอกแค่ว่าจะมาทำกับข้าวเฉยๆ ส่วนเมนูที่เขาทำให้เรานั้นส่วนใหญ่จะเป็นอาหารทะเลเพราะตอนนั้นไปถ่ายทำที่สงขลา จึงเลือกอาหารที่หาซื้อได้ง่ายๆ ริมทะเลสาบสงขลา เลยเป็นพวกเมนูซีฟู้ด ก็ถูกใจทุกจานที่เขาทำให้”
อีกหนึ่งสีสันของแขกรับเชิญ เพชร-พชร สมุทวณิช เป็นผู้ที่ได้รับคำชมจากผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ว่าเป็นนักกินชั้นดี ซึ่งหนุ่มเพชรยิ้มรับด้วยความยินดี พร้อมกล่าวว่า เวลาชิมอาหารของ หนู-เบญญา จะรู้สึกอร่อยทุกอย่าง อยู่ที่ว่าชอบมากหรือชอบน้อยเท่านั้น
“ผมกับพี่หนูค่อนข้างสนิทกัน เจอกันบ่อย เขาชอบทำอาหารให้ทานอยู่เสมอ แหล่งปาร์ตี้ก็มักจะเป็นครัวที่บ้านเขา ดีใจที่พี่หนูเลือกผมเป็นหนึ่งในแขกรับเชิญของหนังสือเล่มนี้ สำหรับเมนูทั้งหลายที่เลือกมาให้ผมในหนังสือ มีเมนูที่ชอบมากที่สุดคือ พายเนื้ออบ ซึ่งทุกคนในกลุ่มก็ชอบเหมือนกันหมด เพราะพี่หนูทำอร่อยใช้วัตถุดิบ เครื่องปรุงอย่างดี พิถีพิถันในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เราอร่อยตรงความรู้สึกที่ว่าของในจานนี้เขาเริ่มต้นยังไง ระหว่างทางเป็นยังไง ถึงเราจะทำอาหารเป็นอยู่บ้างแต่บางทีไม่รู้เลยว่ามันมีเทคนิคแบบนั้นแบบนี้ จะสนุกตรงที่นอกจากได้ทานของอร่อยแล้ว ยังได้รู้เคล็ดลับจากเขาด้วย มู้ดส์ จึงเป็นตำราอาหารที่มีชีวิต เป็นการบอกเล่าของการทำอาหารให้เพื่อนฝูงซึ่งมีความพิเศษ แขกแต่ละคนที่อยู่ในนั้นมีบุคลิก ลักษณะต่างกันไป อยู่ในหลายแวดวงจึงอาจมีความชอบที่ต่างกันไปบ้าง พี่หนูจะเลือกอะไรที่เป็นพิเศษสำหรับคนนั้น ทั้งสิบคนเป็นตัวแทนความชอบของคนในการกินอาหารแต่ละประเภท เป็นหนังสือที่อ่านสนุกและนำไปใช้งานได้จริง” พชร กล่าว
สำหรับเพื่อนรุ่นน้องอย่าง พลพัฒน์ อัศวะประภา เจ้าของแบรนด์แฟชั่น ASAVA กล่าวว่าชื่นชมทุกคนในครอบครัวนันทขว้างอยู่แล้ว เมื่อทราบว่าได้รับเลือกจากเบญญา ให้มาเป็นหนึ่งในแขกรับเชิญของ มู้ดส์ จึงยิ่งรู้สึกยินดีและภูมิใจที่ได้ร่วมงานกับบุคคลที่เขาชื่นชมด้วย
“ผมมองว่าอาหารเป็นงานศิลปะอย่างหนึ่ง พี่หนูเป็นคนทำอาหารด้วยความรัก แค่ใครได้มีโอกาสสัมผัสอาหารของเขาจะรับรู้ได้เลยว่ามันออกมาจากความรักจริงๆ อาหารที่พี่หนูทำให้ผมในครั้งนี้เป็นลูกผสมระหว่างเอเชียกับฝรั่ง เขาบอกว่าผมมีหลายมุม อาหารของผมจึงมีหลายเมนู ตั้งแต่แบบง่ายๆ ไปจนถึงเมนูที่ต้องมีเทคนิคต่างๆ ซึ่งผมชอบทุกอย่างเลย หนังสือเล่มนี้แสดงถึงงานศิลปะในการทำอาหาร ศิลปะในการใช้ชีวิต ซึ่งมีการนำเรื่องอาหารมาถ่ายทอด ทุกคนที่พี่หนูเลือกมาจะมีศิลปะในการใช้ชีวิตที่เฉพาะเจาะจง และมีความเป็นตัวของตัวเองสูง พี่หนูได้ใช้อาหารถ่ายทอดไลฟ์สไตล์ของคนเหล่านั้นด้วยเมนูที่แตกต่างกันไป สิ่งที่น่าทึ่งคือ พี่หนูสามารถเข้าถึงคนได้หลายกลุ่มหลายประเภท ด้วยอาหารหลายแบบ หลายวิธีการปรุงแต่ง คนที่อิ่มกับสิ่งที่ตัวเองทำ เขาจะพลิกแพลงสิ่งที่ตัวเองรักได้ทุกอย่าง ไม่มีกฏตายตัว สำหรับพี่หนูไม่มีคำจำกัดความว่าอาหารของเขาคืออาหารประเภทไหน มันคงเป็นอาหารเผ่าเฉพาะของเขาเอง ทุกอย่างเต็มที่หมด”
จุดเด่นของหนังสือมู้ดส์ นอกจากได้รับความรู้ในเรื่องของการทำอาหารในสไตล์ที่ไม่เหมือนใครของผู้เขียนแล้ว สิ่งหนึ่งที่เจ้าของผลงานต้องการมอบให้ผู้ที่หยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอ่านคือ การสร้างแรงบันดาลใจในการทำอาหาร ดังที่เธอกล่าวไว้ในหนังสือว่า “การทำอาหารไม่ใช่เรื่องยาก เชื่อเถอะว่า ถ้าดิฉันทำได้ คุณก็ทำได้”
มู้ดส์ (Moods) หนังสืออาหารแต้มด้วยศิลปะสไตล์ใหม่ที่ฉีกแนวไปจากหนังสืออาหารทั่วไป ผ่านประสบการณ์ 25 ปีของการเรียนรู้ด้วยตัวเอง โดย เบญญา นันทขว้าง แห่ง ไวท์ คาเฟ่ ซึ่งสร้างสรรค์เมนูผ่านตัวตนของบุคคลดังๆ ได้อย่างสนุกสนาน สำหรับผู้ที่รักความอร่อยแบบแปลกใหม่ พบกับ มู้ดส์ ได้แล้วตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป ราคา 495 บาท