กรุงเทพฯ--28 มี.ค.--วิริยะประกันภัย
วิริยะประกันภัย เผยผลประกอบการปี 54 มีเบี้ยประกันภัยรับรวมกว่า 2 หมื่นล้านบาท เชื่อจากวิกฤตน้ำท่วมที่ผ่านมาส่งผลธุรกิจประกันภัยเติบโตขึ้น พร้อมขยายจำนวนศูนย์ปฏิบัติการสินไหมให้ครอบคลุม เน้นเพิ่มประสิทธิภาพงานบริการรวดเร็ว
นางสาวกานดา วัฒนายิ่งสมสุข ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด เปิดเผยถึงผลประกอบการปี 54 ว่า ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มีเบี้ยประกันภัยรับรวมทั้งหมด 21,754.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2553 ที่มีเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 20,205.57 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 7.66% โดยแบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยภาคบังคับ (พ.ร.บ.) จำนวน 1,986.04 ล้านบาท และเป็นเบี้ยประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ จำนวน 17,975.50 ล้านบาท ส่วนเบี้ยประกันภัยนันมอเตอร์รวมจำนวน 1,792.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 53 ที่มีอัตราเบี้ยประกันภัยรับที่ 1,608.34 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 11.46% แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยอัคคีภัย 214.43 ล้านบาท เบี้ยประกันภัยทางทะเลและขนส่ง 129.11 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยเบ็ดเตล็ด 1,449.07 ล้านบาท
ขณะที่นายกฤษณ์ หิญชีระนันทน์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด กล่าวถึงภาพรวมของธุรกิจประกันภัยในปีนี้โดยเชื่อว่าจากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่เมื่อปลายปีที่ผ่านมาจะส่งผลให้ประชาชนหันมาตระหนักถึงความสำคัญของการทำประกันภัยเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากในปีที่ผ่านมาเข้าใจว่าเป็นอีกวิธีการหนึ่งที่สามารถช่วยลดความกังวลใจและสามารถบรรเทาความเสียหายที่เกิดขึ้นจากภัยพิบัติต่างๆ ได้ ดังนั้น คาดว่าในปี 2555 อุตสาหกรรมประกันภัยอาจมีเบี้ยประกันภัยรวมสูงถึง 160,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากปี 2554 ถึงเกือบ 20%
หากพิจารณาแยกเป็นด้านตลาดประกันภัยรถยนต์ เชื่อว่ามีแนวโน้มเติบโตเพิ่มมากขึ้น โดยผลจากวิกฤตน้ำท่วมจะทำให้ประชาชนสนใจหันมาทำประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 มากขึ้น เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองตามกรมธรรม์ในกรณีที่รถยนต์ได้รับความเสียหายจากภัยน้ำท่วม อย่างไรก็ตาม กลุ่มเจ้าของรถที่เดิมไม่เคยทำประกันภัยรถยนต์ไว้ อาจหันมาสนใจทำประกันภัยรถยนต์ โดยเริ่มจากกรมธรรม์ประกันภัยประเภท 2 และประเภท 3 ซึ่งในปัจจุบันมีการปรับเงื่อนไขความคุ้มครองเพิ่มเติมในกรณีที่รถยนต์ได้รับความเสียจากน้ำท่วม ขณะที่ด้านประกันภัยนันมอเตอร์ ตลาดจะมีความต้องการกรมธรรม์ประกันภัยที่คุ้มครองความเสียหายของที่อยู่อาศัยจากภัยน้ำท่วมเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
สำหรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในปีนี้ นายกฤษณ์ฯ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า วิริยะประกันภัยยังคงมุ่งเน้นเรื่องการบริการเพื่อให้ลูกค้าได้รับความพึงพอใจสูงสุด โดยมีแผนที่จะขยายจำนวนศูนย์ปฏิบัติการสินไหมให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศได้มากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีสถิติการ
เคลมค่อนข้างสูง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพงานด้านบริการ ทำให้สามารถมอบบริการที่ดีตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น และลูกค้าของวิริยะประกันภัยมั่นใจได้ว่าจะได้รับการบริการที่รวดเร็วขึ้นกว่าเดิม สอดคล้องกับปรัชญาการทำงานของบริษัทฯ ที่เน้นการเสนอบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าเป็นอันดับแรก
ทั้งนี้ นโยบายของวิริยะประกันภัยที่ให้ความสำคัญกับทุกส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างเท่าเทียม คือ ผู้ถือหุ้น ลูกค้า พนักงาน พันธมิตรคู่ค้าและสังคม ตลอดจนการได้รับความไว้วางใจจากผู้เอาประกันภัยมาอย่างยาวนาน เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้วิริยะประกันภัยยังคงครองอันดับหนึ่งของธุรกิจประกันวินาศภัยมาได้อย่างต่อเนื่อง โดยวิริยะประกันภัยจะยังคงเดินหน้าพัฒนารูปแบบกรมธรรม์ให้หลากหลาย ทันต่อสถานการณ์ปัจจุบัน และสามารถตอบรับกับความต้องการของผู้เอาประกันภัยให้ได้มากที่สุด
สำหรับทางด้านสินไหมประกันภัยรถยนต์ นายนที ไชยกาล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสินไหมทดแทน กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มีสถิติการเคลมรถคันเอาประกันภัย ทั้งภาคบังคับและภาคสมัครใจ รวมทั้งสิ้น 648,531 เคลม คิดเป็นจำนวนเงินสินไหมที่จ่ายจริงกว่า 1 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ ยังไม่รวมกับค่าสินไหมจากวิกฤตน้ำท่วม ที่บริษัทฯ จ่ายให้กับลูกค้าแล้วเกือบ 1,000 ล้านบาท