กรุงเทพฯ--6 พ.ค.--กรมสรรพสามิต
กรมสรรพสามิตเร่งเพิ่มประสิทธิภาพการยกเว้นภาษีจากน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน เดินหน้าโครงการขยายติดระบบ Online โนโรงงานอุตสาหกรรมต้นทางและปลายทางที่ต้องการขอยกเว้นภาษีวัตถุดิบ หวังส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมและเพิ่มศักยภาพธุรกิจปิโตรเลียมให้เป็นศูนย์กลางพลังงานภูมิภาค
นายพาเกียรติ สมานบุตร รองอธิบดีกลุ่มภารกิจด้านปราบปราม กรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมสรรพสามิตได้มีนโยบายจะขยายการติดตั้งระบบฐานข้อมูลทางอิเลคทรอนิกส์โดยการเชื่อมโยงโครงข่าย (Online Data System) ในโรงงานอุตสาหกรรม ต้นทางและปลายทางที่ใช้น้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันเป็นวัตถุดิบหรือส่วนประกอบในการผลิตที่ต้องการขอยกเว้นภาษีทั่วประเทศ
ทั้งนี้ เพื่อสร้างความคล่องตัวในการยกเว้นภาษีวัตถุดิบให้แก่ผู้ประกอบอุตสาหกรรม รวมทั้งทำให้การติดตามตรวจสอบการนำน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันที่ได้รับการยกเว้นภาษีไปใช้เป็นวัตถุดิบหรือส่วนประกอบในการผลิตเป็นไปด้วยความถูกต้องและแม่นยำยิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นมาตรการในการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการบริหารจัดเก็บภาษีของกรมสรรพสามิต
อย่างไรก็ตาม โรงอุตสาหกรรมบางแห่งที่ยังไม่มีความพร้อมต่อการติดตั้งระบบฐานข้อมูลทางอิเลคทรอนิกส์โดยการเชื่อมโยงเครือข่าย ก็สามารถที่จะติดตั้งระบบฐานข้อมูลจากระยะไกล (Access Data System : ADS) ควบคู่ไปกับการมีเจ้าพนักงานสรรพสามิตประจำโรงงานด้วย
“การติดตั้งระบบฐานข้อมูลนี้ จะทำให้กรมสรรพสามิต สามารถนำข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการนำวัตถุดิบที่ได้รับการยกเว้นภาษีไปใช้ได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ และก่อให้เกิดความสะดวก รวดเร็วแก่ผู้ประกอบอุตสาหกรรมมากขึ้น โดยที่กรมฯ ก็สามารถตรวจสอบการชำระและการขอยกเว้นภาษีได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น”
นอกจากการติดตั้งระบบฐานข้อมูลแล้ว กรมฯยังมีนโยบายจะอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบอุตสาหกรรมต้นทางที่ต้องการจะขอยกเว้นภาษีฯ โดยสามารถแจ้งขอยกเว้นภาษี และแจ้งการขนย้ายน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันที่จะนำออกไปใช้เป็นวัตถุดิบหรือส่วนประกอบในการผลิตในโรงอุตสาหกรรมปลายทางผ่านระบบอินเตอร์เน็ต http:// www.excise.g.th ด้วย
การดำเนินมาตรการต่างๆ นี้ เป็นไปตามประกาศกรมสรรพสามิต เรื่องหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันที่นำไปใช้เป็นวัตถุดิบ หรือส่วนประกอบในการผลิตในโรงอุตสาหกรรมน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีให้เป็นไปอย่างถูกต้องและครบถ้วนแล้ว ยังจะเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ตลอดจนเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจปิโตรเลียม เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนยุทธศาสตร์การปรับประเทศไทยเป็นศูนย์กลางพลังงานของภูมิภาค
รองอธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวต่อว่า “กรมสรรพสามิต สามารถจัดเก็บภาษีจากน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันได้มากเป็นอันดับหนึ่ง เมื่อเทียบกับสินค้าอื่นๆ โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 47 (ตุลาคม 2546-มีนาคม 2547) มียอดจัดเก็บสูงถึง 38,413.45 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 3,377.06 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 9.64”
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : โทรศัพท์ 0 2241 4600 ต่อ 5000--จบ--
-นท-