กรุงเทพฯ--30 มี.ค.--ธนาคารเกียรตินาคิน
นายธวัชไชย สุทธิกิจพิศาล (กลาง) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารเกียรตินาคิน นำทีมผู้บริหาร KK BIZ แถลงข่าว เปิดตัว KK BIZ สินเชื่อเพื่อธุรกิจ เน้นลูกค้า 5 กลุ่มหลักที่ธนาคารมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพื่อขับเคลื่อนทุกความคิดทางธุรกิจของลูกค้าให้ประสบความสำเร็จ พร้อมจัดงานใหญ่สัมมนาประจำปี สินเชื่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ดึงผู้เชี่ยวชาญหลายภาคส่วนตบเท้าขึ้นเวทีให้ความรู้ผู้ประกอบการ ณ โรงแรมพูลแมน ถ.รางน้ำ
นายธวัชไชย สุทธิกิจพิศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) (Mr. Tawatchai Sudtikitpisan, Chief Executive Officer and President of Kiatnakin Bank Plc.) เปิดเผยว่าธนาคารได้จัดสัมมนาประจำปี “KK Annual Seminar 2012” เป็นประจำทุกปีสำหรับลูกค้าผู้ประกอบการทั้ง 5 ธุรกิจ โดยในครั้งนี้เป็นการจัดขึ้นสำหรับกลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งในงานสัมมนาปีนี้ธนาคารได้ถือโอกาสเปิดตัว “KK BIZ” หรือสินเชื่อธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านโดยมุ่งเน้นในกลุ่มเอสเอ็มอีซึ่งเป็นการให้บริการที่ต่อยอดธุรกิจในด้านที่ธนาคารมีความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว ประกอบด้วย 5 ธุรกิจหลักคือ 1) สินเชื่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 2) สินเชื่อธุรกิจอพาร์ทเม้นท์ 3) สินเชื่อธุรกิจขนส่ง 4) สินเชื่อธุรกิจฟลอร์แพลน (สินเชื่อหมุนเวียน เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการ ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ใหม่ และเต็นท์รถมือสอง) และ 5) สินเชื่อธุรกิจสิ่งพิมพ์และบรรจุภัณฑ์
รูปแบบการให้บริการสินเชื่อของ KK BIZ จะเป็นลักษณะ End to End เพื่อตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าอย่างแท้จริง ซึ่งไม่เพียงเป็นการให้สินเชื่อเท่านั้น แต่ธนาคารยังมีการคิดค้นเพื่อให้ได้ข้อมูลประกอบการดำเนินธุรกิจที่ดีให้กับลูกค้า รวมถึงช่องทางในการต่อยอดธุรกิจต่างๆ โดยอาศัยความเชี่ยวชาญของธนาคารเพื่อให้ลูกค้ามองเห็นโอกาสก่อนคู่แข่งในตลาด เพื่อมุ่งเน้นให้ลูกค้าสามารถแข่งขันได้ทั้งในยามปกติหรือในภาวะแข่งขัน”
สำหรับปัจจัยท้าทายของธุรกิจเอสเอ็มอีในขณะนี้นั้นคือเรื่องของต้นทุนด้านต่างๆ ที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมัน ค่าจ้างแรงงาน หรือวัตถุดิบ ซึ่งก็คงจะพิจารณาถึงผลกระทบเป็นภาคธุรกิจไป อาทิ ธุรกิจด้านขนส่งจะได้รับผลกระทบมากกว่าธุรกิจอื่นจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น เป็นต้น ส่วนธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยนั้นก็มีมาตรการผ่อนผันให้อยู่แล้ว โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารได้วางแผนหามาตรการช่วยเหลือเช่นกัน เนื่องจากลูกค้าผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ 1 ใน 3 อยู่ในเขตของพื้นที่ประสบภัย ทำให้ธนาคารต้องเร่งหาวิธีการแก้ปัญหาให้กับลูกค้า โดยเฉพาะโครงการบ้านแนวราบตามชานเมืองมีแนวโน้มเติบโตได้ดี กลุ่มผู้บริโภคยังคงมีความต้องการอยู่อีกจำนวนมาก ธนาคารจึงได้ร่วมมือกับพันธมิตร 3 องค์กร ได้แก่ ภาควิชาการเคหการ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร และสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย จัดทำ “โครงการงานวิจัยแนวทางสร้างความเชื่อมั่นผู้บริโภคอสังหาริมทรัพย์ไทย” เพื่อระดมความคิดเห็น และหาข้อมูล ในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคหลังจากสถานการณ์น้ำท่วมเมื่อปลายปี 2554 ที่ผ่านมา เพื่อคิดหารูปแบบโครงการหรือบ้านที่มีระบบรองน้ำได้ เพื่อลดความเสี่ยงจากผลกระทบต่างๆ โดยทำการศึกษาจากหมู่บ้านที่ประสบภัยน้ำท่วมในปลายปี 2554 เพื่อเป็นตัวอย่าง โดยช่วยผู้ประกอบการระดมความคิดหาวิธีการที่จะทำให้ลูกค้ายังกล้าซื้อบ้าน ซึ่งเหล่านี้ถือเป็นสิ่งที่ธนาคารเกียรตินาคินได้ช่วยเหลือผู้ประกอบการอีกแบบหนึ่ง นอกเหนือจากให้วงเงินเพิ่มเติม
กลุ่มสินเชื่อ KK BIZ นี้ มีแนวโน้มการเติบโตอย่างโตเนื่อง เฉลี่ยปีละ 18.5% ปัจจุบัน (ณ 31 ธันวาคม 2554) มีจำนวนสินเชื่อรวมกันทั้งสิ้นราว 22.5% ของสินเชื่อรวม หรือคิดเป็นมูลค่า 30,491 ล้านบาท ซึ่งในปี 2555 ธนาคารตั้งเป้าการเติบโตของกลุ่มสินเชื่อ KK BIZ อยู่ที่ 19.0%