Box office entertainmen ภูมิใจเสนอ เรื่องย่อของ "GODSEND"

ข่าวทั่วไป Friday May 7, 2004 16:44 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--7 พ.ค.--Box office entertainment
เมื่อมนุษย์ทำตัวเยี่ยงพระเจ้า ก่อเกิดสิ่งที่สิ้นสูญ อะไรจะเกิดขึ้น..?
"GODSEND"
หลอนทวงร่าง
หากใครสักคนที่คุณรักถูกพรากไปจากคุณ อีกไกลเท่าไรคุณถึงจะได้เขากลับคืนมา นั่นเป็นคำถามที่เป็นไปไม่ได้ในการเผชิญหน้ากับความเศร้าเสียใจอย่างหนักของ Paul and Jessie Duncan (รับบทโดย Greg Kinnear และ Rebecca Romijn-Stamos) ที่มีต่อAdam (ซึ่งรับบทโดย Cameron Bright ) ลูกชายอายุแปดขวบซึ่งเป็นสุดที่รักของพวกเขาถูกฝังอยู่ในหลุมฝังศพ ในช่วงเวลาที่พวกเขาไร้ซึ่งความหวังนั้น Dr. Richard Wells (รับบทโดย Robert De Niro ผู้ซึ่งสุขุม มีเหตุมีผล และเขาได้ยื่นข้อเสนอที่น่าเหลือเชื่อแก่พวกเขา นั่นคือ เขาสามารถทำให้ลูกชายของทั้งสองสามีภรรยาฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาได้อีกครั้ง
เขาได้อธิบายว่าถึง Adam จะเสียชีวิตไปแล้วแต่เซลล์ของเด็กน้อยยังคงอยู่ Dr. Wellsจะทำการโคลนนิ่งเด็กน้อยขึ้นมาใหม่ Jessie จะเป็นผู้ให้กำเนิดเขาอีกครั้งหนึ่ง ทำให้Adamได้มีโอกาสมีชีวิตขึ้นอีกครั้งและครอบครัวพวกเขาจะกลับไปมีความสุขอีก อย่างไรก็ตาม เซลล์จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน และสองสามีภรรยามีเวลาเพียงแค่วันเดียวที่จะตัดสินใจว่าพวกเขายอมรับข้อเสนอที่น่าปวดใจเช่นนี้หรือไม่ การเผชิญหน้ากับการตัดสินใจที่ทรมานเช่นนี้ ทั้งสองพยายามที่จะคำนึงถึงศีลธรรม จริยธรรมและกฎหมายที่มีผลกระทบต่อการตัดสินใจครั้งนี้ ความรักของพวกเขาที่มีต่อลูกชายก็สามารถเอาชนะข้อโต้แย้งทั้งหลายทั้งปวงได้ Paul และ Jessie ตระหนักแล้วว่าพวกเขาไม่มีทางเลือกจึงได้ตกลงใจและได้ให้โอกาสเด็กน้อยของพวกเขาเติบโตขึ้นมา
การทำข้อตกลงที่ยึดตามแบบของ Faustian นั้น Dr. Wells มีเงื่อนไขคือ กระบวนการต่างๆอยู่นอกเหนือกฎหมายดังนั้นมันจะต้องถูกเก็บเป็นความลับอย่างมากที่สุด Adam คนใหม่จะไม่เคยเห็นหมออีกท่านหนึ่งเลย และ ครอบครัว Duncans จะถูกแยกความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนและครอบครัวออกจากกันดังนั้นเขาจะไม่เห็นเด็กน้อยคนอื่นๆเจริญเติบโตขึ้น เพื่อเป็นการแน่ใจว่าเรื่องดังกล่าวถูกเก็บเป็นความลับ ครอบครัวของเขาจึงได้ย้ายถิ่นฐานไปยังเมืองที่มีความงดงามของ Riverton ซึ่งใกล้กับคลินิกส่งเสริมการมีบุตรก็อดเซ็นอันน่าประทับใจของ Dr. Wells
ที่คลินิกก็อดเซ็นนั้น Jessie ต้องประสบกับขึ้นตอนต่างๆนานาเหมือนกับผู้หญิงที่ได้รับการผสมเทียมเพื่อการมีบุตร สองสามีภรรยาผู้มีความหวังนั้นได้สร้างบ้านที่อยู่สบายเต็มไปด้วยความสวยงาม พรั่งพร้อมไปด้วยเครื่องอำนวยความสะดวกสบายต่างๆ และใหญ่โต Jessie ช่างภาพสาวที่มีการเจริญเติบโตที่รวดเร็วยินดีเป็นอย่างมากเมื่อ Dr. Wells ได้พาเธอไปดูห้องใต้ดินซึ่งจะทำให้เป็นห้องมืดที่สมบูรณ์แบบสำหรับเธอ Paul ได้หวนกลับไปทำงานสอนโรงเรียนประจำจังหวัดที่ทำรายได้ให้กับเขาเป็นอย่างดี การตั้งรกรากในเมืองดันแคนทำให้พวกเขามีเพื่อนและรอคอยการเกิดของลูกน้อยอย่างอดทน
ที่คลีนิกนั้น Jessie ได้ให้กำเนิดเด็กน้อยออกมา เด็กน้อยAdam เกิดมาด้วยรูปลักษณ์ที่เหมือนกับลูกเธอเป็นอย่างมาก ชีวิตของเด็กน้อยได้ดำเนินไปอย่างเรียบง่ายจนกระทั่งเขามีอายุครบ 8 ขวบ และ Adam เองไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะผ่านขั้นตอนของการใช้ชีวิตอย่างแท้จริงกับช่วงเวลาที่ผ่านมา
การใช้ชีวิตที่เรียบง่ายของครอบครัว Duncan ก็ได้พังทลายลงโดยเสียงกรีดร้องของAdamในตอนกลางคืน เด็กน้อยได้รุดไปที่คลินิกอย่างไม่รู้ตัว ที่ซึ่ง Wells ได้วินิจฉัยถึงความกลัวในตอนกลางคืน แต่การนอนหลับที่มีเต็มไปด้วยความวิตกกังวลนั้นจะทำให้เกิดสิ่งผิดปกติในจิตใจเด็กซึ่งนั่นมิได้เป็นสิ่งผิดปกติในวัยเด็ก และแล้วAdamได้ตื่นขึ้นในเช้าวันต่อมา ทุกอย่างก็ปกติแต่เขายังจำได้ถึงความฝันที่แปลกประหลาดนั้นได้อย่างเลือนรางและแล้วก็มีสิ่งสำคัญที่เกิดขึ้นกับลูกชายของพวกเขา มันเป็นสิ่งที่ผิดปกติ ความฝันประหลาดของเด็กชายได้ก่อความยุ่งยากแก่ตัวเขาเท่าๆกับพ่อแม่ของเขา Adamถูกครอบงำด้วยอารมณ์ที่ผิดปกติและบุคลิกภาพที่เปลี่ยนไปซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับเด็กผู้ชายที่น่ารักและสนุกสนาน
Paul ซึ่งเป็นนักวิจัยและครูสอนชีววิทยาได้เริ่มต้นที่จะทบทวนสัญญาของเขาและ Dr. Wells ซึ่งเขาอาจพาAdamไปพบกับผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กมากกว่า Dr. Wells ผู้ซึ่งเฉลียวฉลาดและรับผิดชอบชีวิตของAdamทั้งชีวิต และ Wells ก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพันธุกรรมมิใช่นักฟิสิกซ์ Paul เริ่มที่จะตั้งคำถามกับ Dr. Wells ซึ่งมันอาจนำไปสู่ความจริงที่ลึกลงไปและมืดมนนั้น
Adamได้วนเวียนอยู่ในโลกที่เขาเห็นเพียงเลือนรางลงไปทุกที สัญญาณแห่งความอันตรายได้เข้ามาเกี่ยวพันกับเด็กน้อยเข้าแล้ว เด็กน้อยเริ่มใช้กำลังที่โรงเรียนและเด็กน้อยอายุ 8 ขวบที่น่ารักคนนี้กำลังตกอยู่ในอันตราย เมื่อเด็กนักเรียนคนหนึ่งถูกจับกดน้ำตาย Paul ต้องบังคับตนเองให้ใคร่ครวญถึงสิ่งที่เลวร้ายที่สุด Dr. Wells คนนี้ต้องการให้มันดำเนินไปไกลอีกเท่าไร และเขาทำอารมณ์ให้สงบได้อย่างไรเมื่อเขาสวมบทบาทเสมือนพระเจ้า Paul ได้เปิดโปงความลับด้านมืดในอดีตที่น่ารังเกียจของ Dr. Wells ออกมา มันเหมือนกับเปลวไฟที่โลมเลียตลอดช่วงเวลาแห่งการต่อสู้ครั้งนี้ Paul ได้กลับมามีสติขึ้นอีกครั้ง Dr. Wells เข้าใจแล้วว่า เขาได้ปลดปล่อยความร้ายกาจและความเย็นชาในตัวของเขาเพื่อสั่งสมความผิดพลาดของเขาเอาไว้
ที่บ้าน Adam ได้มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป เขาหลอกล่อ Jessie เข้าไปในห้องมืดของเธอ ปล่อยแก็สไว้เต็มห้อง แม่ที่น่าเทิดทูนผู้นี้ต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่ว่า ลูกชายที่เธอให้กำเนิดต้องการให้เธอตาย จากช่วงเวลานั้น ครอบครัว Duncan ต้องกลับมาสู่สิ่งที่พวกเขาได้ทำมันขึ้นมาและสิ่งที่ได้ทำต่อพวกเขา
"Godsend" นำแสดงโดยดาราเจ้าของรางวัลออสการ์อย่าง โรเบิร์ต เดอ นีโร ดาราผู้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ เกร็ก คินเนียร์ และ รีเบ็คก้า โรมิจิน-สตามอส กำกับการแสดงโดย นิค แฮมม์ ซึ่งเป็นที่รู้จักดีจากภาพยนตร์แนวอังกฤษเรื่อง "The Hole"…ฉายพร้อมกัน 10 มิถุนายน 47 นี้
1. (Nick Hamm) ผู้อำนวยการสร้าง
เขาเป็นหนึ่งในผู้อำนวยการด้านโรงละครที่น่านับถือคนหนึ่งของอังกฤษ เขาเป็นผู้อำนวยการของRoyal Shakespeare Company จากปี ค.ศ. 1983 ถึง ค.ศ. 1988 เขามีผลงานหลักๆในยุโรปและทำงานเป็นผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ของSadler's Wells Theatre Companyในปี ค.ศ. 1989 เขาย้ายไปทำงานด้านทีวี โดยการสร้าง "The Bottom Line" เป็นเรื่องจริงที่เกี่ยวกับวิกฤตของวัฒนธรรม ภูมิประเทศ ท่ามกลางสิ่งต่างๆ ซึ่งแสดงโดยArthur Miller และ Dustin Hoffman ปี ค.ศ. 1992 หนังแนวชีวิตความยาว 30 นาทีของเขา เรื่อง The Harmfulness of Tobacco ซึ่งนำแสดงโดย Edward Fox และ Celia Imrieได้รับรางวัล BAFTA Award รางวัลของสมาคมหนังและโทรทัศน์แห่งอังกฤษ ในประเภทหนังสั้น
เขาได้กำกับละครเรื่อง Play on one และซีรี่ส์ที่ได้รับความนิยม คือเรื่อง Rik Amyuall Presents ให้กับ Granada ซึ่งนำแสดงโดยAmanda Donohoe ,Jennifer Ehle และ Helena Bonham Carterหนังของ Hamm ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน รวมทั้ง หนังแนวโรแมนติคคอมโมดี เรื่อง Martha Meet Frank, Daniel and Laurence ทางช่อง 4 แสดงโดย Monica Potter, Rufus Sewell, Joseph Fiennes และ Tom Hollander อีกทั้ง หนังเรื่อง The Hole ของ Pathe Films โดยมี Thora Birch นำแสดง Hamm ได้ทำโฆษณาให้กับเนสกาแฟ มาร์ตินี่ คาร์ลเบอร์ก และ นิสสัน อีกด้วย
2. Greg Kinnear (แสดงเป็น พอล ดันแคน)
Greg Kinnear เป็นคุณพ่อและสามีที่น่ารัก ผู้ซึ่งต้องการฟื้นคืนชีวิตให้กับลูกชายของเขาซึ่งถูกฆาตกรรมไป เขาเป็นนักแสดงนำชายที่มีชื่อเสียงจากการแสดงในตัวละครนำที่มีชีวิตชีวาและมักจะมีคำพูดคมๆในรายการบันเทิง ชื่อ Talk Soup ซึ่งทำให้เขาได้รางวัล Emmy รวมทั้งการเป็นผู้ผลิตอาวุโสของโชว์ต่างๆ Greg Kinnear มิใช่จะได้รับเพียงแค่คำชมเชยเท่านั้น แต่ผลงานของเขาได้รับความสนใจเป็นอย่างมากหนังเรื่องที่สร้างชื่อเสียงให้กับเขาเป็นอย่างมาก จากการกำกับของ Sydney Pollack ได้แก่ เรื่อง Sabrina โดยเป็นการนำกลับมาสร้างใหม่ ซึ่งเขาได้แสดงร่วมกับ Harrison Fordและ Julia Ormond องค์การการค้าแห่งภาพยนตร์ได้ระบุชื่อของเขาให้อยู่ในStaf of Tomorrow ใน NATO Showest อีกด้วย จากการแสดงที่เด่นชัดของเขาทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลAcademy Award ในขณะที่ Jack Nicholson สามารถชนะเขาจากเรื่อง As Good As It Gets ของ James L.Brooks' ก็ได้รางวัลนั้นไป ด้วยความมีชื่อเสียงนี้บวกกับรางวัลนักแสดงสนับสนุนฝ่ายชายดีเด่นจาก National Board of Review และ ถูกเสนอชื่อเข้าชิงนักแสดงสนับสนุนฝ่ายชายดีเด่นจากThe Golden Globes รวมทั้ง The Screen Actoers Guild อีกด้วย Kinnear ยังคงสร้างตัวของเขาเองด้วยการเป็นสมาชิกของชุมชนการแสดงของฮอลลีวู้ดอีกด้วย
Kinnear ยังได้รับบทซึ่งทำให้เขาได้รับความนิยมจากหนังที่เกี่ยวข้องกับชีวประวัติของSony Pictures Classics เรื่อง Auto Focus ของผู้อำนวยการสร้างชื่อ Paul Schrader การมองเพียงช่วงระยะเวลาเดียวในชีวิตที่สนุกสนาน
และการตายอย่างลึกลับของ Hogan's Heroes ในบทของ Bob Crane Kinnear ซึ่งแสดงเป็น Crane ร่วมด้วยWillem Dafoe, Maria Bello และ Rita Wilson แต่ก่อนหนังเรื่อง Auto Focus นั้น เขาปรากฏตัวในหนังของ Paramount Picture และ Icon Production เรื่อง We Were Soldiers ซึ่งเขาแสดงร่วมกับ Mel Gibson ซึ่งเขียนบทและกำกับโดย Randall Wallace หนังที่ได้รับการจับตามองได้แก่ เรื่อง The Battle of la Drangซึ่งเป็นหนังที่ถ่ายทอดเกี่ยวกับช่วงเวลาหลายเดือนระหว่างสงครามเวียดนาม ผลงานทางด้านโทรทัศน์เรื่องล่าสุดเป็นหนังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากทางช่อง HBO เรื่อง Dinner with Friends ร่วมแสดงโดย Toni Collette Dennis Quaid และ Andie Macdowell และมี Norman Jewison เป็นผู้กำกับ ภาพยนตร์เรื่องนี้ดัดแปลงมาจากผลงานที่ได้รับรางวัล Pulitzer-Prize ซึ่งเขียนโดย Donald MargulIes เป็นหนังที่กล่าวถึงความสัมพันธ์แบบหวานอมขมกลืนระหว่างคู่สามีภรรยาสองคู่ และการแยกกันอยู่มีผลกระทบต่อพวกเขาอย่างไร
หลังจากการถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ จากเรื่อง As Good As It Gets แล้ว Kinnear ได้แสดงหนังแนวโรแมนติกคอมโมดี้ของ Nora Ephron เรื่อง You're Got Mail โดยเขาแสดงคู่กับ Tom Hanks และ Meg Ryanอีกด้วย รวมทั้งยังแสดงคู่กับ Gary Shandling และ Annette Bening ในหนังของ Mike Nichol เรื่อง What Planet are you From
ในระยะสองสามปีที่ผ่านมา เป็นช่วงเวลาแห่งความยุ่งของ Kinnear ในโลกแห่งภาพยนตร์ เขาแสดงในหนังโรแมนติกคอมโมดี้ เรื่อง Someone Like You ร่วมกับ Ashley Judd และ Hugh Jackman ภาพยนตร์สยองขวัญของ Sam Raimi เรื่อง The Gilf คู่กับ Cate Blanchett และ Katie Holmes และ เป็นผู้อำนวยการสร้างหนังแนวตลกของ Neil LaBute เรื่อง Nurse Butty โดยแสดงคู่กับ Renee Zellweger Morgan Freeman และ Chris Rock อีกทั้งเขายังปรากฏตัวในบทของ Captain Amazing ในเรื่อง Mystery Menความประจวบเหมาะของการมีชื่อเสียงจากเรื่อง Talk Soup นั้น Kinnear แสดงบทบาทได้อย่างสนุกสนานในบางตอน เช่น Sally Jesse Raphael, Jerry Springer และ Montel หลังจากนั้นเขาก็ได้เข้าร่วมกับงานกับสถานี NBC โดยการทำหน้าที่แทน Bob Costas ในปี 1994 Kinnear ได้รับบทนำและผู้อำนวยการอาวุโสในรายการท็อกโชว์ของเขาเองในรายการ Later with Greg Winnear ทางสถานี NBC ด้วยเหตุนี้เองทำให้เขาได้มีบทบาทในรัฐบาลของสหรัฐอเมริกา เกริก Kinnear ได้เป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกแล้ว เป็นเวลาหลายปีก่อนหน้านี้เขาจะอาศัยอยู่ในสหรัฐฯและต่างประเทศ ซึ่งเป็นสถานที่ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เช่น วอชิงตัน ดี ซี อินเดียน่า และ กรุงเลบานอน
3. Rebecca Romijn-Stamos (รับบทเป็น Jessie Duncan)
เธอได้สูญเสียลูกชายไปอย่างไม่มีวันกลับ เธอต้องการวิธีการใดก็ได้ที่จะช่วยให้บุตรชายของเธอกลับคืนมา Romijn-Stamos ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงจากการก้าวจากนางแบบระดับโลกมาสู่นักแสดงหญิงซึ่งเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เธอได้นำแสดงในหนังเรื่อง X2 ซึ่งเธอประสบผลสำเร็จมาแล้วจาก หนัง X-Men กำกับโดย Bryan Singer และ Romijn-Stamos เธอได้สวมชุดสีฟ้าด้วยเรือนร่างที่เซ็กซี่ของเธอในบทของ Mystique อีกครั้งหนึ่ง
หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง ทั้งนี้เธอก็ได้ร่วมแสดงกับ Hugh Jackman ,Halle Berry และ Ian Mcdellen อีกครั้งหนึ่ง รวมทั้งได้แสดงหนังแนวสยองขวัญ -ของ Brain De Palma จากเรื่อง Femme Fatale โดยแสดงร่วมกับ Antonio Banderas เธอรับบทเป็นศิลปินสาวที่มีนิสัยหลอกลวงผู้ซึ่งพยายามที่จะหยุดการฆาตกรรมในขณะที่เธอก็ถูกตามล่าจากปีศาจร้ายในอดีตของเธอเอง หนังต่างๆเหล่านี้ทำให้เธอได้แสดงนำใน Rollerbal ร่วมกับ Chris Klein และ LL Cool J รวมทั้งหนังที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงกับหนังของ AI Pacino ในเรื่อง Simone
เธอเริ่มก้าวข้ามจากโลกของแฟชั่นมาสู่บทบาทที่น่าประทับใจในซีรี่ส์ ที่ได้รับความนิยมเรื่อง Friends และ Just Shoot Me เธอทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการ House of Style ของ MTV และได้แสดงบทสั้นๆในหนังเรื่อง Austin Powers ในตอน The Spy Who Shagged Me ในสายงานอาชีพนางแบบของเธอนั้น หญิงสาวผู้นี้ถ่ายแบบขึ้นปกนิตยสาร Cosmopolitan รวมทั้งนิตยสารที่มียอดการจำหน่ายสูงสุดในปี 90 ได้แก่ นิตยสาร People รวมทั้งการถ่ายแบบชุดว่ายน้ำในนิตยสาร Sport Illustrated, Marie Claire, Glamour, Elle, FHM และ Shape ความสวยและเสน่ห์ของเธอไม่หายไปจากอเมริกาเลย เธอยังมีชื่อเสียงทางด้านสิ่งพิมพ์ต่างๆและงานโฆษณาทางโทรทัศน์อีกหลากหลาย รวมทั้งโฆษณาของ Tommy Hilfiger, Pantene, Miller Life และ Halston เธอได้รับเกียรติเพื่อถ่ายทำโฆษณารณรงค์ ชื่อ Got Milk? และ เธอยังได้รับเลือกเป็นนางแบบคนล่าสุดของ Liz Claiborne อีกด้วย
4. Robert De Niro ( รับบทเป็น Dr. Richard Wells)
Robert De Niro แสดงเป็นนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะด้านพันธุกรรมผู้ซึ่งยินดีที่จะเล่นบทเป็นพระเจ้า และ เขาอาจจะยินดีที่จะเป็นมากกว่านั้น เขาได้เปิดตัวทางด้านการแสดงด้วยหนังเรื่อง The Wedding Party ของ Brian De Palma ในปี 1969 และในปี 1973 เขาได้รับรางวัล New York Film Critics' Award จากรางวัลนักแสดงสนับสนุนฝ่ายชายยอดเยี่ยม เป็นครั้งที่สอง ด้วยบทบาทการแสดงซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญของผู้ชมในเรื่อง Bang the Drum Slowly และ Mean Streets ของ Martin Scorsese
ต่อมาในปี 1974 De Niro ได้รับรางวัล Academy Award ด้านนักแสดงสนับสนุนฝ่ายชายยอดเยี่ยมจากการสวมบทบาทเป็น Vito Corleone ตอนหนุ่ม จากเรื่อง The Godfather ภาคสอง ของ Francis Ford Coppola ปีถัดมา เขาได้รับรางวัล Oscar เป็นครั้งที่สองในฐานะนักแสดงนำฝ่ายชายยอดเยี่ยมโดยการสวมบทบาทเป็น Jake La Mottaได้อย่างดีเยี่ยมจากเรื่อง Raging Bull ของ Scorsese นอกจากนี้เขายังได้รับเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Oscar อีกถึง 4 ครั้ง จากการสวมบทบาทเป็น Travis Bickle ในหนังที่ได้รับความนิยมอย่างมากคือ Taxi Driver ของ Scorsese การสวมบทเป็นทหารผ่านศึกจากเวียดนามในเรื่อง The Deer Hunter I ของ Michael Cimino และ ผลงานจากการรับบทเป็นผู้ป่วยอัมพาตในเรื่อง Awakenings ของ Penny Marshall รวมถึง อดีตนักโทษที่เฝ้าคอยแต่การแก้แค้นจากหนังเรื่อง Cape Fear ของ Scorsese ซึ่งเป็นหนังที่เคยถูกสร้างขึ้นในปี1962 และนำกลับมาสร้างใหม่แบบคลาสสิค ในปี 1992
ด้วยการแสดงที่มีพลังของเขานี่เองทำให้เขาได้มีโอกาสเล่นหนังแนว Modern Classics เช่น หนังที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับแก็งอันธพาลและแนวสยองขวัญ ในเรื่อง Goodfellas และ Casino ของ Scorsese เรื่อง New York,
New York และ The King of Comedy เรื่อง The Untouchabel ของ Brian De Palma อีกทั้งเรื่อง Once Upon a Time in America ของ Sergio Leone ด้วย
จากการทำงานที่ทำให้เขามีชื่อเสียงขึ้นมาได้นั้น เขายังมีบทบาทอีกหลายบทบาทซึ่งทำให้เขาโด่งดังมากที่สุดคนหนึ่งของสหรัฐอเมริกาและระดับโลก จากหนังเรื่อง The Last Tycoon ของ Elia Kazan , เรื่อง 1900 ของ Bernardo Bertolucci, True Confessions and Falling in Love ของ Ulu Grosbard, Brazil ของ Terry Gilliam, The Mission ของ Roland Joffe, เรื่อง Angel Heart ของ Alan Parker, Midnight Run ของ Martin Brest, Jacknife ของ David Jones , Stanley and Iris ของ Martin Ritt, หนังเรื่อง We're No Angles ของ Neil Jordan, Back draft ของ Ron Howard , This Boy's Life ของ Micheal Caton Jones, Mad Dog and Groly ของ John McNaughton , A Bronx Tale ของ Kenneth Branagh , Frankenstien ของ Mary Shelley, Heat ของ Micheal Mann, Sleepers and Wag the Dog ของ Barry Levinson, เรื่อง Marvins' Room ของ Jerry Zaks , The Fan ของ Tony Scott, Copland ของ James Mangold, เรื่อง Great Expectations ของ Alfonso Cuaron, Jackie Brown ของ Quentin Tarantino, Ronin ของ Frankenheimer, Flawless ของ Joel Schumacher, Rocky and Bullwinkle ของ Des Mac Anuff , Men of Honor ของ George Tillman , Fifteen Minutes ของ John Herzfeld, The Score ของ Frank OZ , Showtime ของ Tom Dey และ City By The Sea ของ Michael Caton-Jones
นอกเหนือจากการเป็นนักแสดงที่สมบูรณ์แบบในหนังแนวดรามาแล้ว เขายังมีพรสวรรค์ในการเล่นบทตลกอีกด้วย จากหนังเรื่อง Meet the Parent ของ Jay Roach เรื่อง Wag The Dog ของ Barry Levinson และ Analyze ของ Harold Ramis หนังดังกล่าวข้างต้นนี้เป็นผลงานจากการผลิตโดยบริษัทของเขาเอง ชื่อ Tribeca Productions ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา Tribeca and Tribeca Film Center ซึ่งเขาได้ก่อนตั้งขึ้นมาร่วมกับ Jane Rosenthal ในปี 1988 De Niro ได้พัฒนาโครงการหลายหลายโครงการซึ่งเขาได้มีบทส่วนในผลงานของตัวเขาเองหลายบทบาททั้งผู้กำกับ ผู้อำนวยการสร้าง และ นักแสดง หนังเรื่อง A Bronx Tale นี้เองที่ทำให้เขาเป็นมีชื่อเสียงขึ้นมาในฐานะผู้กำกับ
หนังเรื่องอื่นๆของบริษัท Tribeca อย่างเช่น Cape Fear, Analyze That, Thunderheart, Mistress, Night and the City , The Night We Never Me, Faithful, Panther, Marvin's Room และ Flawless รวมทั้งเรื่อง Rocky and Bullwinkle ในปี 1992 บริษัทของเขาได้ผลิตซีรี่ส์ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากซึ่ง De Niro เป็นหนึ่งในผู้ที่กำกับซีรี่ส์เหล่านั้น ถัดมาในปี 1998 บริษัท Tribeca ได้ผลิตมินิซีรี่ส์ให้กับ NBC ซึ่งอิงมาจากชีวิตของ Sammy'The Bull' Gravano ขึ้นมาอีกด้วย
Tribeca Productions มีสำนักงานใหญ่ที่ Tribeca Film Center ของ De Niro ในเขต Tribeca เมือง New York The Film Center เป็นอาคารสำนักงานที่มีความเป็นศิลปะซึ่งถูกออกแบบมาเพื่ออุตสาหกรรมด้านภาพยนตร์และโทรทัศน์ ประกอบไปด้วยพื้นที่อำนวยความสะดวกต่างๆในอาคาร 8 ชั้น ห้องสกรีน ภัตตาคารและห้องเลี้ยงรับรอง รวมไปถึงการบริการต่างๆที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมแห่งความบันเทิง
5. Cameron Bright (รับบทเป็นAdam Duncan)
Cameron Bright เด็กน้อยผู้ถูกฆ่าอย่างน่าเศร้าสลดใจ และแล้วเขาก็ได้กลับมาเกิดใหม่ ปัจจุบัน เด็กน้อยอายุ 10 ปีผู้นี้มีงานแสดงเข้ามาเฉกเช่นนักแสดงตัวจริง จากหนังเรื่อง Godsendไปยังเรื่อง Birth ของ Jonathan Glazer ซึ่งเขาแสดงคู่กับ Nicole KidmanCameron เริ่มต้นอาชีพทางการแสดงของเขาในหนังทั่วๆไปของฝั่งแคนาดา และ สหรัฐอเมริกา เขาได้ก้าวไปสู่ซีรี่ส์ทางโทรทัศน์อย่างรวมเร็ว รวมทั้ง Dark Angel ของ Fox Night Visions ของ Warner Brother และ Higher Ground ของ Fox Family Channel ซึ่งเขาสวมบทบาทเป็น Hayden Christensen ตอนเป็นเด็ก
งานแสดงทางโทรทัศน์เรื่องอื่นๆของเด็กน้อยนั้น รวมไปถึง The Christmas Secret ของ CBS ซึ่งแสดงร่วมกับ Richard Thomas และ Beau Bridges Lone Hero ของค่าย HBO ซึ่งแสดงร่วมกับ Lou Diamon Phillips และ Sean Patrick Flannery รวมทั้ง My Brother's Keeper ของ USA Network ซึ่งแสดงร่วมกับ Jeanne Tripplehorn และกำกับโดย John Badham
เด็กหนุ่มผู้มีอนาคตไกลผู้นี้ยังมีผลงานที่กำลังจะออกมานั่นคือ หนังเรื่อง Butterfly Effectโดยแสดงร่วมกับ Ashton Kutcher และ Eric Stoltz
"Godsend" นำแสดงโดยดาราเจ้าของรางวัลออสการ์อย่าง โรเบิร์ต เดอ นีโร ดาราผู้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ เกร็ก คินเนียร์ และ รีเบ็คก้า โรมิจิน-สตามอส กำกับการแสดงโดย นิค แฮมม์ ซึ่งเป็นที่รู้จักดีจากภาพยนตร์แนวอังกฤษเรื่อง "The Hole"…ฉายพร้อมกัน 10 มิถุนายน 47 นี้
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ 02-231-6441-3--จบ--
-นท-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ