HTECH ตั้งเป้าปั๊มรายได้ปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 25% ผถห.พร้อมใจอนุมัติจ่ายเพิ่มอีก 0.07 บ/หุ้น

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday April 3, 2012 14:03 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--3 เม.ย.--IR network ผู้ถือหุ้น"แฮลเซี่ยน เทคโนโลยี"ประสานเสียงอนุมัติจ่ายปันผลปี 54 เพิ่มอีก 0.07 บาทต่อหุ้น รวมจ่ายทั้งปี 0.16 บาทต่อหุ้น กำหนดรับเงินปันผลวันที่ 2 พ.ค.นี้ "พีท ริมชลา" มั่นใจแนวโน้มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถยนต์ อุตสาหกรรมชิ้นส่วนเครื่องจักรกล และอุตสาหกรรมชิ้นส่วนฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟปีนี้ยังเติบโตอยู่ในทิศทางที่ดี พร้อมตั้งเป้าปั๊มรายได้ปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 25% นายพีท ริมชลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แฮลเซี่ยน เทคโนโลยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ HTECH เปิดเผยว่า จากการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2555 เมื่อวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา ปรากฎว่าที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการประจำปี 2554 ให้กับผู้ถือหุ้นเพิ่มอีกในอัตราหุ้นละ 0.07 บาท โดยกำหนดปิดสมุดทะเบียนเพื่อรวบรวมรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล ตามมาตรา 225 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ในวันที่ 19 เมษายน 2555 และวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) คือวันที่ 12 เมษายน 2555 และกำหนดวันจ่ายเงินปันผลในวันที่ 2 พฤษภาคม 2555 ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล งวดเดือนมกราคม-มิถุนายน 2554 ให้กับผู้ถือหุ้นไปแล้ว ในอัตราหุ้นละ0.09 บาท รวมบริษัทจ่ายเงินปันผลงวดปี 2554 ให้กับผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.16 บาทต่อหุ้น สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2555 บริษัทยังคงเน้นขยายการลงทุนโดยการซื้อเครื่องจักรใหม่เพิ่มขึ้น เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ในส่วนต่างๆ รองรับความต้องการของลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถยนต์ อุตสาหกรรมชิ้นส่วนเครื่องจักรกล และอุตสาหกรรมชิ้นส่วนฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ โดยเชื่อว่าอุตสาหกรรมดังกล่าวที่กล่าวมาข้างต้น น่ายังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มเติม อาทิ ประเทศฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย จากเดิมตลาดการส่งออกจะอยู่ที่ประเทศเกาหลี สิงคโปร์ ญี่ปุ่น และยุโรป ดังนั้นบริษัทจึงตั้งเป้าอัตราการเติบโตของรายได้ในปีนี้น่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 25% จากปี 2554 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2554 ของ HTECH และบริษัทย่อยมีรายได้รวม 420 ล้านบาท มีกำไรสุทธิโดยรวมจำนวน 86.85 ล้านบาท และมีกำไรต่อหุ้น 0.36 บาทต่อหุ้น “จากปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 4 ที่ผ่านมา ทำให้ฐานการผลิตในประเทศต่างๆ มีการผลิตเพิ่มขึ้นเพื่อทดแทนการผลิตในไทย ขณะเดียวกันความต้องการใช้ชิ้นส่วนอุตสาหกรรมต่างๆ ยังคงมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จากประเด็นดังกล่าวมองว่า น่าจะส่งผลดีต่อธุรกิจที่บริษัทดำเนินการอยู่ ดังนั้นบริษัทจึงได้เตรียมแผนรองรับคำสั่งซื้อต่างๆ ไว้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเครื่องจักรในสายการผลิตด้านต่างๆ การผลิตสินค้าที่ตรงตามความต้องการของลูกค้า หรือแม้กระทั่งการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ เพื่อผลักดันให้ผลประกอบการของบริษัทและบริษัทย่อยเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในอนาคต" นายพีทกล่าวในที่สุด

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ