กรุงเทพฯ--3 เม.ย.--กรมสรรพากร
ตามที่กรมสรรพากรได้ปรับเพิ่มค่าลดหย่อนเบี้ยประกันชีวิตจากเดิมที่สามารถนำมาหักลดหย่อนได้จำนวน 1 แสนบาท โดยเพิ่มขึ้นอีกในอัตราร้อยละ ๑๕ ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน ๒ แสนบาท สำหรับการประกันชีวิตแบบบำนาญ และเมื่อรวมกับเงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสงเคราะห์ตามกฏหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน ค่าซื้อหน่วยลงทุนกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) แล้วต้องไม่เกิน 5 แสนบาท ในปีภาษีเดียวกัน โดยมีหลักเกณฑ์ดังนี้
1. เป็นการจ่ายเบี้ยประกันสำหรับกรมธรรม์ประกันชีวิตแบบบำนาญที่มีกำหนดเวลาตั้งแต่สิบปีขึ้นไป
2. เป็นการประกันชีวิตที่ได้เอาประกันไว้กับผู้รับประกันภัยที่ประกอบกิจการประกันชีวิตในราชอาณาจักร
3. มีการกำหนดการจ่ายผลประโยชน์เงินบำนาญเป็นรายงวดอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งจำนวนผลประโยชน์เงินบำนาญ ดังกล่าวจะจ่ายเท่ากันทุกงวดหรือจ่ายในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นตามระยะเวลาการเอาประกันก็ได้ โดยการจ่ายผลประโยชน์เงินบำนาญจะจ่ายตามการทรงชีพที่อาจมีการรับรองจำนวนงวดในการจ่ายที่แน่นอน
4. มีการกำหนดช่วงอายุของการจ่ายผลประโยชน์เงินบำนาญเมื่อผู้มีเงินได้มีอายุตั้งแต่ ๕๕ ปีขึ้นไป ถึงอายุ ๘๕ ปี หรือกว่านั้น และผู้มีเงินได้ต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยครบถ้วนแล้วก่อนได้รับผลประโยชน์เงินบำนาญ
นางจิตรมณี สุวรรณพูล รองอธิบดีกรมสรรพากรในฐานะโฆษกกรมสรรพากร กล่าวว่า “กรมสรรพากรขอเชิญชวนให้ประชาชนนำค่าเบี้ยประกันชีวิตดังกล่าวข้างต้นที่จ่ายระหว่างวันที่ 1 มกราคม - 31 ธันวาคม 2554 มาหักลดหย่อนในการยื่นแบบ ภ.งด.90,ภ.ง.ด.91 ปีภาษี 2554 ภายในวันที่ 2 เมษายน 2555 และยื่นผ่านทางอินเทอร์เน็ต ภายในวันที่ 10 เมษายน 2555 (เนื่องจากวันที่ 8 — 9 เมษายน 2555 เป็นวันหยุดราชการ จึงเลื่อนมาเป็นวันที่ 10 เมษายน 2555) ทั้งนี้ เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนมีการออมเงินในระยะยาว และความมั่นคงในการดำรงชีพภายหลังเกษียณอายุจากการทำงาน หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามที่ RD Call Center หมายเลข 1161 ซึ่งตลอดเดือนมีนาคม 2555 ให้บริการทุกวันทำการ ตั้งแต่เวลา 08.30 - 20.00 น. และวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 08.30 - 16.30 น. หรือศึกษาข้อมูลได้ที่ www.rd.go.th”