กรุงเทพฯ--3 เม.ย.--ไอบีเอ็ม
ไอบีเอ็มครองส่วนแบ่งตลาดรายได้เซิร์ฟเวอร์โดยรวมอันดับ 1 ในไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ ในไตรมาส 4 ปี 2554
ไอบีเอ็มยังคงรั้งตำแหน่งผู้นำตลาดเซิร์ฟเวอร์ระดับองค์กรของอาเซียน ในไตรมาส 4 โดยครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ได้อย่างแข็งแกร่ง ตามข้อมูลจากรายงานตลาดเซิร์ฟเวอร์รายไตรมาสในเอเซียแปซิฟิคของไอดีซีระบุว่า ไอบีเอ็มครองอันดับ 1 ในอาเซียนในแง่ของรายได้ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 40 เปอร์เซ็นต์มากกว่า HP ที่ตามมาเป็นอันดับ 2 ถึง 9 จุด โดยมาจากความสำเร็จของ IBM Power Systems?และ System z servers
สำหรับประเทศไทย ไอบีเอ็มเป็นผู้จำหน่ายเซิร์ฟเวอร์อันดับ 1 โดยครองส่วนแบ่งตลาดในแง่ของรายได้เซิร์ฟเวอร์โดยรวมสูงถึง 52.1 เปอร์เซ็นต์ มีส่วนแบ่งรายได้จากตลาดเซิร์ฟเวอร์โดยรวมสูงกว่าคู่แข่งที่ตามมาเป็นอันดับ 2 ถึง 29.6 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2554
นอกจากนี้ ไอบีเอ็มยังครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ในประเทศไทยในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2554 สำหรับ:
- ตลาดเซิร์ฟเวอร์องค์กรระดับไฮเอนด์ (เซิร์ฟเวอร์ระดับราคา 250,000 ดอลลาร์ขึ้นไป) ด้วยส่วนแบ่งรายได้ 79.8% (สูงกว่าคู่แข่งที่ตามมาเป็นอันดับ 2 ถึง 59.6 จุด)
- ตลาดเซิร์ฟเวอร์ RISC/EPIC ด้วยส่วนแบ่งรายได้ 49.6% (สูงกว่าคู่แข่งที่ตามมาเป็นอันดับ 2 ถึง 18.1 จุด)
- ส่วนแบ่งตลาดในแง่ของรายได้จากยูนิกซ์เซิร์ฟเวอร์ที่ไม่ใช่สถาปัตยกรรม x86 อยู่ที่ 64 เปอร์เซ็นต์ (สูงกว่าคู่แข่งที่ตามมาเป็นอันดับ 2 ถึง 39.7 จุด)
- ส่วนแบ่งตลาดในแง่ของรายได้จากลีนุกซ์เซิร์ฟเวอร์ อยู่ที่ 36.2 เปอร์เซ็นต์ (สูงกว่าคู่แข่งที่ตามมาเป็นอันดับ 2 ราว 7.9 จุด)
ธนพงษ์ อิทธิสกุลชัย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “การที่เรารั้งตำแหน่งผู้นำอย่างต่อเนื่องเป็นผลมาจากการลงทุนในระบบที่หลากหลายและเทคโนโลยีชั้นนำ โดยเรามุ่งมั่นผลักดันการสร้างสรรค์นวัตกรรม การเพิ่มความยืดหยุ่นในการปรับขนาด และการปรับปรุงประสิทธิภาพ ไอบีเอ็มยังคงมุ่งเน้นการลงทุนเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคตและสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างจริงจังเพื่อค้นหาหนทางใหม่ๆ ในการสร้างคุณประโยชน์ให้แก่ลูกค้า เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือลูกค้า เราจึงพยายามที่จะนำเสนอโซลูชั่นที่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ ปรับขนาดได้อย่างเหมาะสม ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ลดการใช้พลังงาน เพื่อสร้างความแตกต่างให้แก่ลูกค้าและเสริมสร้างขีดความสามารถด้านการแข่งขัน"
นอกจากนี้ พง เทเลอร์ (Phong Taylor) Vice President, System and Technology Group, IBM ASEAN กล่าวว่า “ ไอบีเอ็มรู้สึกภูมิใจในการเป็นผู้นำตลาดครั้งนี้ ด้วยคุณค่าของ Smarter Computing ที่รวมเอาความแข็งแกร่งของ Big Data การวิเคราะห์ข้อมูลOptimize System และคลาวด์ คอมพิวติ้ง มาเป็นสถาปัตยกรรมอัจฉริยะที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถกลั่นกรองข้อมูลเชิงลึก เพิ่มขีดความสามารถทางด้านไอที และนำเสนอบริการใหม่ๆ ได้รวดเร็วกว่า เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจ เพื่อให้องค์กรต่างๆ ได้รับประโยชน์จากการปรับปรุงประสิทธิภาพ เสถียรภาพ และสมรรถนะ โดยเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่า
ไอบีเอ็มมั่นใจว่า ในยุคใหม่ของระบบคอมพิวติ้ง ที่ไอบีเอ็มกำลังพัฒนาออกมา จะเป็นการรวบรวมเอาเซิรฟเวอร์รุ่นต่างๆ มาพัฒนารวมเรียกว่า เป็น ระบบบูรณาการอัจฉริยะ (Integrated Expertise) ซึ่งจะเป็นการติดตั้งที่รวมเอา ไอบีเอ็มเซมิคอนดัคเตอร์ การวิจัย และบริการ ซึ่งทำให้องค์กรลดค่าใช้จ่ายทางด้านไอที ลดคนดูแลระบบ นอกจากเป็นการช่วยลดทรัพยากรการดูแลระบบแล้ว ยังทำให้การบริหารจัดการ และการลงทุนไอทีทำได้ถูกต้องตรงจุด ด้วยการใช้คลาวด์ ในการจัดการกับเวิร์คโหลดได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย
ที่มา: รายงานตลาดเซิร์ฟเวอร์รายไตรมาสทั่วโลกและเอเซียแปซิฟิคของไอดีซี, ไตรมาสที่สี่ 2554