กรุงเทพฯ--10 เม.ย.--วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร
วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร ได้กำหนดจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ มหาสมัยสูตร เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ อันเป็นขนบธรรมเนียม ของคณะสงฆ์วัดสระเกศ ที่สืบเนื่องมาแต่สมัยรัชกาลที่ ๓ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ นับเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า ๑๗๐ ปีแล้ว จึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชน มาร่วมกันสวดเจริญพระพุทธมนต์เพื่อให้เกิดสิริมงคล แก่ตนเอง และประเทศชาติ บ้านเมือง อีกวาระหนึ่ง ในวันที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๕๕ นี้ ณ พระวิหารพระอัฏฐารสฯ วัดสระเกศ เวลา ๑๗.๐๐ น. เป็นต้นไป
ความเป็นมา ของพิธีเจริญพระพุทธมนต์มหาสมัยสูตร
การประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์มหาสมัยสูตร ทำน้ำพระพุทธมนต์ที่วัดสระเกศ สืบเนื่องมาตั้ง แต่เริ่มสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ ด้วยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑ เมื่อครั้งดำรงพระยศเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ได้ประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ เสกน้ำพระพุทธมนต์ เป็นเวลา ๓ วัน ๓ คืน ที่บริเวณสระน้ำ วัดสะแก ซึ่งเป็นที่ตั้งวัดสระเกศในปัจจุบัน จากนั้นจึงประกอบพิธีสรงน้ำมูรธาภิเษก ก่อนปราบดาภิเษก ขึ้นครองราชย์ผ่านพิภพเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ภายหลังเมื่อพระองค์ได้สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์แล้ว ทรงเปลี่ยนนาม "วัดสะแก" เป็น "วัดสระเกศ" เพื่อเฉลิมพระเกียรติให้ต้องตามสถานที่ที่พระองค์ประกอบพิธีมูรธาภิเษก วัดสระเกศจึงถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นแห่งการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ และราชวงศ์จักรี
คณะสงฆ์วัดสระเกศได้ยึดถือและรักษาประเพณีการเจริญพระพุทธมนต์ เพื่อประกอบพิธีทำน้ำพระพุทธมนต์ในวาระที่สำคัญ ตามพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑ สืบต่อมา
ครั้นถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ พระองค์โปรดฯ ให้มีพิธีเจริญพระพุทธมนต์ มหาสมัยสูตร ขึ้น โดยโปรด ให้ประกอบพิธี ณ พระวิหารพระอัฏฐารสฯ วัดสระเกศ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ อันเป็นเทศกาลปีใหม่ ตามธรรมเนียมโบราณของชาวไทย เพื่อนำน้ำพระพุทธมนต์ไปแจกจ่ายให้พุทธศาสนิกชนนำไปประพรม บ้านเรือน เรือกสวนไร่นา ตลอดจนการรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ เพื่ออวยชัยให้เกิดสิริมงคลแก่กันและกัน มีความร่มเย็นเป็นสุขตลอดไป
การที่รัชกาลที่ ๓ โปรดฯ ให้ประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ มหาสมัยสูตร ณ พระวิหารพระอัฏฐารสฯ เพราะพระองค์ทรงเห็นว่า พระอัฏฐารสฯ เป็นพระพุทธรูปเกี่ยวกับเหตุการณ์ในมหาสมัยสูตร สืบเนื่องมาจากพระประยูรญาติของพระพุทธองค์เกิดความแตกแยกกันอย่างรุนแรง จนถึงขั้นยกกองทัพมาประจันหน้าจะทำสงครามกัน เพราะแบ่งผลประโยชน์เรื่องน้ำไม่ลงตัว พระพุทธองค์จึงเสด็จมาห้ามทัพ ทำให้สงครามแย่งน้ำยุติลง เกิดความสงบสุขแก่ประชาชนทั้งสองพระนคร
สำหรับ พระอัฏฐารส เป็นพระพุทธรูปปางประทับยืน ศิลปะสกุลช่างสมัยสุโขทัยตอนต้น อายุไม่น้อยกว่า ๗๐๐ ปี หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ทั้งองค์ โดยไม่มีการเชื่อมต่อ มีความสูงถึง ๒๑ ศอก ๑ นิ้ว นับว่าเป็นการหล่อพระพุทธรูปด้วยโลหะ ที่มีขนาดสูงใหญ่ที่สุดเป็นครั้งแรก ในประวัติศาสตร์ชาติไทย และนับว่าเป็นพระพุทธรูปประจำพระองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เนื่องจากเดิมประดิษฐานอยู่วัดวิหารทอง เมืองพิษณุโลก ซึ่งเป็นวัดประจำพระราชวังจันทน์
ต่อมา รัชกาลที่ ๓ ดำริที่จะให้มีพระอัฏฐารสไว้ประจำพระนคร จึงโปรดฯให้อัญเชิญพระอัฏฐารสฯ จากวัดวิหารทอง เมืองพิษณุโลก มาประดิษฐานไว้ ณ พระวิหาร วัดสระเกศ กรุงเทพมหานคร
ธรรมเนียมการสร้างพระอัฏฐารส พระพุทธรูปยืนไว้ประจำพระนคร ก็เพื่อให้บ้านเมืองสงบสุขปราศจากสงคราม ป้องกันความแตกแยกของคนในชาติ ให้คนในชาติเกิดความรักความสามัคคี และให้ประเทศชาติสถิตสถาพรมั่นคงยั่งยืนนาน ประหนึ่งพระพุทธปฏิมากรประทับยืนสถิตสถาพรเป็นนิรันดร์
ติดต่อ:
ประสงค์ ณัฏฐะปัญโญ 0861969636