กองทัพเรือ ขอแนะนำการรับประทานทุเรียนอย่างไรไม่ให้เกิดโทษ

ข่าวทั่วไป Thursday May 13, 2004 11:44 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--13 พ.ค.--สำนักงานเลขานุการกองทัพเรือ
ทุเรียน นับได้ว่าเป็นราชาแห่งผลไม้ มีรสชาดหวานมัน มีสรรพคุณช่วยบำรุงธาตุ บำรุงร่างกาย ทำให้เกิดความอบอุ่น เนื่องจากมีแป้งและน้ำตาลเป็นส่วนประกอบหลัก และในช่วงนี้เป็นช่วงที่มี ผู้นิยมรับประทานทุเรียนกันมาก เนื่องจากเป็นช่วงฤดูกาล มีผลผลิตเข้าสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก ทำให้มีราคาถูกลง สามารถบริโภคกันได้ในปริมาณที่มากขึ้น แต่การรับประทานทุเรียนนั้น หลายท่านทราบดีว่าอาจมีผลกระทบต่อร่างกาย เนื่องจากทุเรียนเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานสูงมาก ดังนั้นจึงควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อมิให้มีผลเสียต่อสุขภาพ ในแต่ละวันประชาชนวัยทำงานที่มีอายุระหว่าง ๑๕ - ๕๙ ปี ต้องการพลังงานจากอาหารวันละ ๒,๐๐๐ กิโลแคลอรี่ ซึ่งจากการวิเคาระห์คุณค่าทางโภชนาการของเนื้อทุเรียน พบว่าทุเรียนแต่ละพันธุ์ เมื่อเปรียบเทียบต่อปริมาณเนื้อทุเรียนหนัก ๑๐๐ กรัม จะให้พลังงานที่แตกต่างกัน โดยทุเรียนก้านยาวให้พลังงาน ๑๘๑ กิโลแคลอรี ทุเรียนหมอนทองให้พลังงาน ๑๕๖ กิโลแคลอรี ทุเรียนชะนีให้พลังงาน ๑๓๙ กิโลแคลอรี และต่ำสุดคือทุเรียนกระดุมให้พลังงาน ๑๒๙ กิโลแคลอรี และหากเป็นทุเรียนกวนจะให้พลังงานมากขึ้นไปอีกคือ ๓๔๐ กิโลแคลอรี ทุเรียนหมอนทอง ประมาณ ๒ เม็ด ที่แกะเม็ดออกแล้วจะให้พลังงานเท่ากับกินข้าว ๔ ทัพพี ประมาณ ๓๐๐ กิโลแคลอรี
ดังนั้น ผู้ที่มีปัญหาน้ำหนักตัวเกินมาตรฐานหรืออ้วนแล้ว รวมทั้งผู้มีปัญหาเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน ซึ่งคาดว่าจะมีคนไทยที่อยู่ในวัยแรงงาน คือ อายุ ๑๕ - ๕๙ ปี ประมาณ ๕ ล้านคน ควรกินทุเรียนในปริมาณที่จำกัดและระมัดระวัง เนื่องจากความหวานรวมทั้งแป้ง ในทุเรียนอาจทำให้โรคกำเริบได้เร็วขึ้น ส่วนประชาชนทั่วไปที่กินทุเรียนแล้ว ควรให้ออกกำลังกายเพื่อให้ร่างการได้ใช้พลังงานที่ได้นี้ไป ไม่สะสมในร่างกายในรูปของความอ้วน
นอกจากนั้น ควรรับประทานควบคู่ไปกับมังคุดซึ่งถือได้ว่าเป็นราชินีแห่งผลไม้ เนื่องจากมังคุดเป็นผลไม้ที่มีความเย็น ซึ่งจะสามารถลดความร้อนของทุเรียน สร้างสมดุลย์ให้แก่ร่างกาย รวมทั้งลดอาการแน่นท้องและเรอไม่มีกลิ่นเหม็น อันเป็นที่รังเกียจของบุคคลรอบข้าง--จบ--
-นท-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ